จากการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย.67 ที่สนามเวมบลีย์ ระหว่าง โคเวนทรี พบ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยโคเวนทรี จากลีกแชมเปียนชิพสวมหัวใจนักสู้ด้วยการไล่ตามตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด จากพรีเมียร์ลีก 3-3 และในช่วงนาที 120+1 ของการต่อเวลาพิเศษส่งบอลเข้าประตูจากลูกยิงของ วิกตอร์ ทอร์ป ทว่า ฮาจี ไรต์ คนที่จ่ายบอลมาให้นั้นโดนจับล้ำหน้าไปก่อนจากการเช็กของวีเออาร์ และหากดูจากภาพช้าแล้วเจ้าตัวล้ำหน้าไปเพียงแค่ปลายสตั๊ดเท่านั้น ทำให้ต้องไปวัดผู้ชนะที่การดวลจุดโทษ ก่อนที่สุดท้าย โคเวนทรี จะเป็นฝ่ายพ่ายไป 2-4 หยุดเส้นทางของถ้วยดังกล่าวไปแบบน่าเสียดาย สำหรับแฟนบอลรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นหูกับทีมนี้มากนัก แต่ โคเวนทรี ถือเป็นหนึ่งในทีมที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 140 ปี เรามาเปิด ประวัติ โคเวนทรี ทำความรู้จักทีมรองบ่อน ที่เกือบกลายเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์กันเลย
ประวัติ โคลพาลเมอร์ เด็กปั้นแมนซิตี้ สู่การเป็นเดอะแบกแห่งเชลซี
ประวัติ โคเวนทรี ทำความรู้จักทีมม้ามืดจากลีกรอง
- จุดเริ่มต้นจาก “ชายโสด” และจุดเปลี่ยนสู่ยุคทอง
ประวัติโคเวนทรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1883 หรือเมื่อ 140 ปีก่อน โดยครั้งนั้นใช้ชื่อว่า “ซิงเกอร์ส เอฟซี” ซึ่งมีที่มาจากการรวมตัวตั้งสโมสรพบปะสังสรรค์ของ “ชายโสด” นั่นเอง ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น โคเวนทรี ซิตี้ ตั้งแต่ปี 1898 และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน โดยฉายาของพวกเขาคือ “สกาย บลูส์” ตามสีฟ้าที่เป็นสีประจำสโมสร แต่สำหรับคนไทยตั้งฉายาพวกเขาว่า “ช้างกระทืบโรง” เนื่องจาก โคเวนทรี ใช้ตราสัญลักษณ์ของสโมสรเป็นรูปช้าง และโคเวนทรี เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกอังกฤษตั้งแต่ปี 1919 แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนใหญ่จะขึ้นๆลงๆอยู่ในดิวิชั่น 2-4 เป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
โดยจุดเปลี่ยนสู่ยุคทองเข้าสู่ปี 1961 โคเวนทรี มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือการแต่งตั้ง “จิมมี่ ฮิลส์” เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ และเป็น ฮิลส์ นี่เองที่ค่อยๆสร้างทีมจนสามารถไต่เต้าจากดิวิชั่น 3 ขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จในระยะเวลาแค่ 6 ปี แม้ จิมมี่ ฮิลส์ จะอำลาทีมไปในปี 1967
เพียงไม่กี่เดือนหลังพาทีมขึ้นสู่ลีกสูงสุด แต่เขาก็ถูกยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานสำคัญของทีม โดยกุนซือคนต่อมาอย่าง โนเอล แคนท์เวลล์ ก็ค่อย ๆ พัฒนาทีมชุดนี้จนสามารถจบอันดับ 6 ของลีกได้ในซีซั่น 1970/71 คว้าตั๋วไปลุยศึก อินเตอร์-ซิตี้ส์ แฟร์ส คัพ (ยูโรปาลีกในปัจจุบัน)
นับเป็นการได้โลดแล่นในเวทียุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่โคเวนทรี ก็ถูกหยุดเส้นทางในถ้วยยุโรปครั้งนั้นไว้แค่รอบ 2 เนื่องจากเจอกระดูกชิ้นโตอย่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ก่อนพ่ายไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-7 (นัดแรกแพ้ 1-6 นัดสองชนะ 2-1) อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น โคเวนทรี ก็กลายเป็นขาประจำในลีกสูงสุดของอังกฤษ โดยไม่ตกชั้นอีกเลยเป็นเวลา 34 ฤดูกาลติดต่อกัน
เกียรติยศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเกิดขึ้นในฤดูกาล 1986/87 เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ไปครองได้แบบหักปากกาเซียน จากการเอาชนะทีมเต็งอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในยุคที่เต็มไปด้วยดาวดังทั้ง ออสซี่ อาร์ดิเลส, เกล็น ฮอดเดิ้ล, คริส วอดเดิ้ล, แกรี่ แม็บบัตต์ และ เรย์ คลีเมนซ์
โดยครั้งนั้น โคเวนทรี ชนะไปหวุดหวิด 3-2 แต่น่าเสียดายที่ โคเวนทรี ต้องหมดโอกาสไปลุยศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปีถัดมา เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวสโมสรอังกฤษถูกลงโทษห้ามแข่งในเวทียุโรปทุกรายการ จากกรณีโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซล
- ยุคพรีเมียร์ลีก: มีสตาร์แต่ไร้ความสำเร็จ และภาระหนี้สินท่วมหัว
เข้าสู่ยุคก่อตั้งพรีเมียร์ลีก โคเวนทรี เป็นหนึ่งในสโมสรที่ถูกยกว่าสามารถคว้านักเตะโนเนมมาปั้นจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการได้หลายต่อหลายคน ทั้งในยุคของกุนซือ รอย แอตกินสัน และ กอร์ดอน สตรัคคั่น โดย “ช้างกระทืบโรง” ยุคนั้นมีทั้ง แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ , ร็อบบี้ คีน ดาวรุ่งอนาคตไกล , จอห์น อลอยซี่ ศูนย์หน้าทีมชาติออสเตรเลีย , มุสตาฟา ฮัดจิ จอมเทคนิคจากโมร็อกโก , คาร์ลตัน พาลเมอร์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ หรือจะเป็น แม็กนุส เฮดแมน ประตูมือ 1 ทีมชาติสวีเดน
ปี 1997 โคเวนทรี ตัดสินใจเริ่มโครงการก่อสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ ความจุ 40,000 ที่นั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 ของอังกฤษ แต่ด้วยงบประมาณการก่อสร้างอันมหาศาลทำให้สโมสรเริ่มประสบภาวะหนี้สินจนไม่มีเงินไปเสริมทัพ ส่งผลให้ฟอร์มของ โคเวนทรี ค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ จนตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกหลังจบซีซั่น 2000/01 และหลังจากนั้น พวกเขาก็ยังไม่เคยกลับสู่ลีกสูงสุดได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน
- ทีมชุดปัจจุบันภายใต้การนำทัพของอดีตดาวยิงผีแดง
โคเวนทรี ซิตี้ ในปัจจุบัน อยูภายใต้การคุมทีมของ “มาร์ค โรบิ้นส์” อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงปี 1988-1992 โดย โรบิ้นส์ เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี 2017 ในฤดูกาลก่อน (2022/23) โคเวนทรี เกือบได้เลื่อนชั่นสู่พรีเมียร์ลีกมาแล้ว หลังจบอันดับ 5 ในลีก แชมเปี้ยนชิพ แต่ไปแพ้จุดโทษต่อ ลูตัน ทาวน์ ในนัดชิงชนะเลิศของรอบเพลย์ออฟ และปัจจุบัน โคเวนทรี รั้งอันดับ 8 ของลีกแชมเปี้ยนชิพ ยังถือว่ามีลุ้นคว้าตั๋วเพลย์ออฟอีกครั้ง เนื่องจากมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 6 ที่เป็นโควต้าสุดท้ายอยู่แค่ 4 คะแนน
และส่วนดาวเด่นในทีมชุดนี้ นำโดย เอลลิส ซิมส์ อดีตกองหน้าดาวรุ่งจาก เอฟเวอร์ตัน และ ฮาจี้ ไรท์ กองหน้าทีมชาติสหรัฐฯ ที่ยิงรวมกันไปแล้ว 39 ประตู นอกจากนี้ก็ยังมี ทัตสึฮิโร่ ซากาโมโตะ กองกลางดรีกรีทีมชาติญี่ปุ่น อีกคนด้วย
สรุป ประวัติ โคเวนทรี ถือเป็นหนึ่งในทีมที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 140 ปี และในอดีตก็เคยขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของประเทศ ถึงขั้นคว้าแชมป์บอลถ้วยและคว้าตั๋วลุยศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปมาแล้ว และสร้างเรื่องช็อกวงการด้วยการแซงเอาชนะ “วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส” จากพรีเมียร์ลีกไปหวุดหวิด 3-2 โดยมายิง 2 ประตูรวดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างพลิกความคาดหมาย
และจากการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่าง โคเวนทรี 3-0 แต่โดนตามตีเสมอ 3-3 ก่อนชนะจุดโทษ 4-2 ถือว่าเป็นการสร้างตำนานได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia