บอลโอลิมปิก ประวัติกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก เริ่มต้นมาอย่างไร แล้วครั้งล่าสุดมีอะไรน่าสนใจบ้าง

แฟนบอลต่างรู้ดีว่ามหกรรมกีฬาอย่างฟุตบอลโลกเป็นการแข่งที่มีความสนุก เชียร์มัน ลุ้นทุกการทำประตู แต่ในครั้งนี้เราจะมาพูดคุยอีกหนึ่งในการแข่งขันที่ผู้ชมทั่วโลกต่างรอคอย คงหนีไม่พ้นมหกรรมกีฬา บอลโอลิมปิก ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ครั้งนี้มีการจัดขึ้นถึง 7 สนามทั่วประเทศฝรั่งเศส และเป็นที่คาดหวังจากนานาประเทศอย่างมาก ว่าเจ้าภาพจะจัดการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งนี้ออกมาได้ตื่นเต้นเร้าใจมากแค่ไหน ล้วนแต่สร้างความสนุกสนานตื่นเต้น และเป็นกีฬายอดนิยมตลอดกาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งในทุกวันนี้ มีผู้คนมากกว่า 250 กว่าล้านคน จากกว่า 200 ประเทศให้ความสนใจ และรักในการเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก แต่เคยสงสัยไหมว่า ประวัติกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก เริ่มต้นมาอย่างไร แล้วครั้งล่าสุดมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ฟุตบอลโลก 2030 world cup ครบรอบ 100 ปี กับเจ้าภาพร่วม 3 ทวีปครั้งแรก

บอลโอลิมปิก มีความเป็นมาอย่างไร

ประวัติ บอล โอลิมปิก ต้องย้อนกลับไปเมื่อ ปี ค.ศ. 1863 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ประชุมของสมาคมฟุตบอลได้ถูกก่อตั้งขึ้นในนามของ FIFA และมีการจัดการแข่งขันขึ้นทุกๆ 4 ปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 และถือเป็นรายการสำคัญที่ทำให้เรตติ้งของสถานีโทรทัศน์ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น

ในความจริงแล้วนั้น กีฬาฟุตบอลชายในโอลิมปิกมีมายาวนานก่อนจะเกิด FIFA World Cup เสียอีก โดยเริ่มตั้งแต่ในกรุงปารีสปี ค.ศ. 1900 และกลับมาโด่งดังอีกครั้งที่นครลอสแองเจลิสใน ปี ค.ศ. 1984 ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกได้ จะต้องเป็นนักฟุตบอลมือสมัครเล่นเท่านั้น แต่ปัจจุบันเริ่มมีการยอมรับและปั้นนักฟุตบอลดาวรุ่งขึ้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงทำให้กีฬาฟุตบอลเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ต่อมา ณ นครบาร์เซโลน่าปี ค.ศ. 1992 ได้มีการตั้งกฏกติกาขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดอายุของผู้เล่นไว้สูงสุดไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งในปี ค.ศ. 1996 ณ แอตแลนตา โดยเสนอให้ในทีมมีผู้เล่นที่มีอายุเกิน 23 ปี ได้มากที่สุด 3 คน และในปีเดียวกัน ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงขึ้น โดยไม่มีการจำกัดอายุของผู้เล่น ทำให้กีฬาฟุตบอลยิ่งเติบโตและมีการพัฒนาไปอย่างแพร่หลายในทั่วทุกมุมโลก

ปารีส 2024 ฟุตบอลโอลิมปิกมีอะไรน่าสนใจบ้าง

สำหรับฟุตบอลชาย บราซิล ชาติยักษ์ใหญ่ของโลกลูกหนังเข้าชิงมา 3 สมัยติด และได้ครองแชมป์ 2 หนล่าสุด แต่ครั้งนี้พวกเขาพลาดตั๋วไปอย่างน่าผิดหวัง ทำให้ชาติอื่น ๆ มีโอกาสลุ้นเหรียญทอง โดยเฉพาะฝรั่งเศสเจ้าภาพ ที่คุมทีมโดย เธียร์รี่ อองรี ตำนานหัวหอกทีมตราไก่ ซึ่งแม้จะไม่มี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เนื่องจาก เรอัล มาดริด ต้นสังกัดใหม่ไม่ยอมปล่อยตัว แต่ได้ อเล็กซ็องดร์ ลากาแซตต์ อดีตกองหน้าอาร์เซนอล นำทีมในโควตาผู้เล่นอายุเกิน พร้อมกับ 2 ผู้เล่นจากคริสตัล พาเลซ ในพรีเมียร์ลีกทั้ง ไมเคิล โอลิเซ่ และ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า

อีกหนึ่งทีมที่มีลุ้นไม่แพ้กันคือ อาร์เจนตินา ที่คุมทีมโดย ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ มี 4 แข้งชุดแชมป์โลกในทีมทั้ง ฮูเลียน อัลวาเรซ กองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิโกลัส โอตาเมนตี้ กองหลังเบนฟิก้า, เจโรนิโม รุลลี่ ผู้รักษาประตูจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และติอาโก อัลมาด้า กองหน้า แอตแลนตา ยูไนเต็ด ซึ่งหากทัพฟ้าขาวคว้าเหรียญทองได้สำเร็จจะทำให้มาสเชราโน่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ช

นอกจาก 2 ทีมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีนักเตะดังในทัวร์นาเมนต์นี้อีกหลายรายทั้ง อาชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กโมร็อกโกของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, นาบี เกอิต้า กองกลางกัปตันทีมชาติกินีจากแวร์เดอร์ เบรเมน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กองกลางทีมชาติอียิปต์ของ อาร์เซนอล

ขณะที่ฟุตบอลหญิง ที่ไม่จำกัดอายุนั้นเต็มไปด้วยดาวดังคับคั่ง จากทีมดีกรีแชมป์โลกทั้ง สเปน, สหรัฐฯ และเยอรมนี รวมทั้งบราซิลที่ มาร์ท่า ตำนานแข้งแซมบาหญิงจะอำลาเวทีหลังจบปีนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าเธอจะทำสถิติยิงประตูในโอลิมปิก 6 สมัยติดได้หรือไม่ ส่วนสเปนเรียกนักเตะชุดแชมป์โลกหนล่าสุดมาถึง 15 ราย รวมทั้ง 3 ประสานจากบาร์เซโลนาทั้ง อเล็กเซีย ปูเตยาส, ไอตานา บอนมาติ และซัลมา ปารายูเอโล ร่วมกับแข้งเก๋าทั้ง เจนนี่ เอร์โมโซ่, ไอรีน ปาเรเดส และโอลกา การ์โมนา

ฝั่งสหรัฐฯ ที่คุมทีมโดย เอ็มม่า เฮย์ส มีดาวดังเต็มทีม นำโดย ลินด์เซย์ โอแรน, โรส ลาเวล และคริสตัล ดันน์ ส่วนเยอรมนีเจ้าของเหรียญทองปี 2016 มีอเล็กซานดรา พ็อพพ์ และเลอา ชุลเลอร์ ส่วน ราชีล คันดานานยี นักเตะหญิงเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในโลกมานำ นิวซีแลนด์ ลุ้นเหรียญทองด้วยเช่นกัน ขณะที่เจ้าภาพฝรั่งเศสใช้นักเตะมากประสบการณ์เป็นหลัก นำโดย เวนดี้ เรอนาร์, ยูเจนี เล ซอมเมอร์, อมองดีน อองรี และมารี อ็องตัวเน็ตต์ คาโทโท

ประเภทและสายการแข่งขัน
1.ฟุตบอลชาย
มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 16 ทีม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมแข่งแบบพบกันหมด ทีมอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไป
กลุ่ม เอ : ฝรั่งเศส, สหรัฐฯ, กินี, นิวซีแลนด์
กลุ่ม บี : อาร์เจนตินา, โมร็อกโก, อิรัก, ยูเครน
กลุ่ม ซี : อุซเบกิสถาน, สเปน, อียิปต์, สาธารณรัฐโดมินิกัน
กลุ่ม ดี : ญี่ปุ่น, ปารากวัย, มาลี, อิสราเอล

ฟุตบอลหญิง
มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 12 ทีม แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมแข่งแบบพบกันหมด ทีมอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไปแบบอัตโนมัติ บวกกับอีก 2 ทีมอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด
กลุ่ม เอ : ฝรั่งเศส, โคลอมเบีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์
กลุ่ม บี : สหรัฐฯ, แซมเบีย, เยอรมนี, ออสเตรเลีย
กลุ่ม ซี : สเปน, ญี่ปุ่น, ไนจีเรีย, บราซิล

สรุป บอลโอลิมปิก มีมายาวนานก่อนจะเกิด FIFA World Cup เสียอีก โดยเริ่มตั้งแต่ในกรุงปารีสปี ค.ศ. 1900 และกลับมาโด่งดังอีกครั้งที่นครลอสแองเจลิสใน ปี ค.ศ. 1984 โดยกำหนดอายุของผู้เล่นไว้สูงสุดไม่เกิน 23 ปี ในปีค.ศ. 1992 ได้มีการตั้งกฏกติกาขึ้นมาใหม่ ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งในปี ค.ศ. 1996 ณ แอตแลนตา โดยเสนอให้ในทีมมีผู้เล่นที่มีอายุเกิน 23 ปี ได้มากที่สุด 3 คน และในปีเดียวกัน ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงขึ้น โดยไม่มีการจำกัดอายุของผู้เล่น

ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia