หากว่าคุณเป็นแฟนหนังของเจสัน สเตแธม นี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังบู๊ที่ไม่อยากให้พลาดกับ “The Beekeeper นรกเรียกพ่อ” เพราะเหมือนหนังเกิดมาเพื่อรอให้เขามาแสดงนำเรื่องนี้ ทั้งอินเนอร์และลีลาที่อาจจะไม่ใหม่อะไรเท่าไหร่ แต่กลับมัดใจคนดูเอาไว้ได้อย่างหมดจด ฉากแอคชันทำออกมาได้มันส์สะใจคนดูแน่นอน และวันนี้เรามาดู The Beekeeper รีวิว ที่เกี่ยวกับภัยโจรกรรมจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คุกคามผู้คนให้ตกเป็นเหยื่อจำนวนไม่น้อย จึงได้ผู้กำกับอย่าง “เดวิด เอเยอร์” ก็ได้หยิบเอาภัยนี้มาขยี้ได้อย่างสุดติ่ง โดยเอาประเด็นที่เป็นภัยใกล้ตัวสังคมในปัจจุบันมาใช้ ทำให้คนดูค่อนข้างรู้สึกคล้อยตามได้ง่าย ๆ โดยที่หนังไม่ต้องมีเนื้อหาอะไรมากมาย ขอแค่นั่งดูไปเพลิน ๆ ให้สะใจเล่นก็น่าจะพอใจแล้ว
ทาสสุดแกร่งแห่งหน่วยป้องกันอสูร รีวิว Mato Seihei no Slave อนิเมะสร้างใหม่แนวฮาเล็ม สุดฟินน !!
The Beekeeper รีวิว หนังแอคชันดุเดือดสุดมัน
The Beekeeper เป็นเรื่องราวของ อดัม เคลย์ ชายวัยเกษียณที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยการเลี้ยงผึ้ง แต่แล้วความสงบสุขของเขาก็ถูกทำลาย เมื่อป้าข้างบ้านที่เขาไว้ใจเพียงหนึ่งเดียวได้ทำการจบชีวิตตัวเองลง เพราะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ต้มตุ๋น จากชายเลี้ยงผึ้งธรรมดา อดัมต้องสวมตัวตนในอดีตของเขาอีกครั้ง ในนาม บีคีปเปอร์ เพื่อทำภารกิจล่าแค้นส่วนตัวและสาวไส้องค์กรลับ งานนี้จัดเต็มทุกกระสุน รวมมิตรทุกแรงกระแทก ไร้ความปรานีจนกว่าจะลากคอผู้ที่อยู่เบื้องหลังแก๊งชั่วนี้ให้ได้
นี่คือผลงานล่าสุดของอีกหนึ่งผู้กำกับขาบู๊ประจำวงการ “เดวิด เอเยอร์” หลังจากที่วุ่น ๆ ไปหยิบจับทำหน้าฮีโรมาได้อยู่หลายปี เขาก็พยายามหาทางกลับมาสู่เส้นทางหนังแอคชันทริลเลอร์แนวที่คุ้นเคยอีกครั้ง ผลงานเรื่องก่อนหน้า อย่าง The Tax Collector ก็จะไม่ถูกจริตนักวิจารณ์เท่าไหร่ แต่เมื่อมาแก้มือใน The Beekeeper เรื่องนี้ ต้องบอกเลยว่า เดวิด เอเยอร์ คัมแบ็กกลับมาแล้ว เขาหาทางกลับมาได้จริง ๆ
แม้ว่าจะเป็นการคัมแบ็กจากหลุมเดิมที่ฝังเขา แต่ก็ใช่ว่า The Beekeeper จะเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบอะไร เพราะนี่คือการจับวางสูตรสำเร็จของหนังบู๊ทรงเดิม ๆ ที่แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย โทนหนังก็ยังมากับสไตล์ขึงขัง พูดน้อยต่อยหนัง ตามรูปแบบหนังของ “เจสัน สเตแธม” ทั่ว ๆ ไป ขณะที่บทหนังก็ตื้นเขินไปหมด เดาทางได้ไม่ยาก และกลิ่นอายออกจะไปในทางหนังเกรดบีเสียด้วยซ้ำ
The Beekeeper ได้ “เคิร์ธ วิมเมอร์” มือเขียนบทหนังแอคชันที่แทบจะได้มะเขือเทศเน่าเกือบทุกผลงานบน Rotten Tomotoes แน่นอนว่าสไตล์งานปั้นเรื่องของเขาค่อนข้างจะธรรมดาและไม่มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่เท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ที่หนังหยิบเอาภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาปูเรื่องและนำมาเป็นแบล็กกาวน์นั้น ก็เป็นจุดที่ทำให้คนดูมีส่วนร่วมและรู้สึกว่าเป็นภัยที่ใกล้ตัวมากขึ้น อีกทั้งมันยังเป็นสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจริงกับใครก็ได้
สรุป The Beekeeper การจับวางสูตรสำเร็จของหนังบู๊ทรงเดิม ๆ ที่แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย โทนหนังก็ยังมากับสไตล์ขึงขัง โดยมีจุดขายก็คือ เจสัน สเตแธม ที่ยืนหนึ่งและเอาอยู่แบบทั้งเรื่องคนเดียวได้สบาย ๆ มันกลายเป็นความซ้ำซากจำเจ แต่กลับไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อหน่ายเลย
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia