กลายเป็นที่ฮือฮาบนโลกออนไลน์ หลังจากมีการเผยภาพรถสุดหรูระดับไฮเปอร์คาร์ McLaren Speedtail วิ่งอยู่บนถนนประเทศไทย โดยเฟซบุ๊ก PB Supercar Photography ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ เรียกได้ว่าใครเห็นเป็นต้องตาค้าง หลังจากมีการเผยแพร่รูปรถหรูสุดโก้ระดับ ไฮเปอร์คาร์ ที่กำลังวิ่งอยู่บนท้องถนนประเทศไทย
พร้อมเผยความพิเศษและข้อมูลราคาของรถสุดเฟี้ยวคันนี้ที่เรียกได้ว่าหากใครพลาดพลั้งเอาหน้ารถไปจุ๊บหลังรถคันนี้ บอกเลยมีร่ำร้องกันได้เลย และในวันนี่เรามาทำความรู้จักกับMcLarenSpeedtail รถ HYPER-GT แรงสุดในค่าย 1050 แรงม้า ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 106 คัน
Rolls-Royce Ghost ราคา ? เปิดราคารถโคตรหรู พร้อมค่าซ่อมหากมีชน
McLaren Speedtail Top Speed 403 km/h ขุมพลัง Hybrid
Speedtail เปิดตัวไปแล้วในวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ในฐานะรถยนต์ Hyper-GT คันแรกของค่าย และสามารถทำ top speed ได้สูงกว่ารถยนต์รุ่นอื่นใดในบริษัท พร้อมสานต่อตำนานของ McLaren P1 ด้วยเอกลักษณ์ประตูทรงปีกนก และ ภายในที่รองรับผู้โดยสาร 3 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Hybrid พละกำลังทะลุระดับ 1,000 แรงม้า
McLarenSpeedtail มีความยาว 5,137 มิลลิเมตร ซึ่งยาวกว่า McLaren P1 เกือบครึ่งเมตร แต่กว้างน้อยกว่า ส่วนเส้นสายตัวถังรอบคันมาในทรง teardrop เพื่อประสิทธิภาพในการรีดลมสูงสุด ไฟหน้าเป็นแบบ full-LED ล้อเป็นแบบลาย 10 ก้าน ขนาด 20 นิ้ว ในด้านหน้า และ 21 นิ้ว ในด้านหลัง โดยล้อคู่หน้าจะมีฝาครอบ ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ติดมาให้ เพื่อช่วยจัดอากาศให้ลื่นไหลไปกับด้านข้างของตัวถัง
กระจกมองข้างไม่มีอีกต่อไป เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิตอลความละเอียดสูงแทน โดยตัวกล้องจะพับเก็บอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องหรือใช้ความเร็วสูง และกางออกเองเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนชายกันชนหน้า ดิฟฟิวเซอร์ และสเกิร์ตข้าง ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบ 1K Titanium Deposition ซึ่งมีน้ำหนักเบามากกว่าปกติ ส่วนสีตัวถังคันในภาพเป็นสีเงิน Speedtail Silver
McLarenSpeedtail รองรับผู้โดยสาร 3 ที่นั่ง วางตำแหน่งเบาะคนขับเอาไว้ กึ่งกลางตัวถัง ขนาบข้างด้านหลังด้วยเบาะผู้โดยสาร 2 ตำแหน่ง ปุ่มกดควบคุมแทบไม่หลงเหลืออยู่ เนื่องจากควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง คงเหลือแต่ปุ่มควบคุมประตู หน้าต่าง และชิ้นส่วนตัวถัง ติดตั้งอยู่เหนือศีรษะ ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมปัดเงา
วัสดุหุ้มเบาะและการเดินด้าย สามารถเลือกสีได้ตามใจชอบ โดยหนังที่ใช้มีน้ำหนักเบากว่าหนังทั่วไป 30% พัฒนาขึ้นโดย Bridge of Weir Leather Company และหนังดังกล่าวยังใช้ในการหุ้มแดชบอร์ดด้วย ส่วนในคันโชว์เลือกใช้สีเทา Dark Galcier ตัดด้วยสีขาว White ตัดด้วยพรมพื้นรถสีเทา Dark Galcier และ สีดำ Black
ขุมพลังของ Speedtail
ขุมพลังระบุแค่ว่าเป็นระบบ Hybrid กำลังสูงสุด 1,050 แรงม้า ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1,430 กิโลเมตร McLarenSpeedtail จึงทำอัตราเร่ง 0 – 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 12.8 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 403 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำได้เมื่อใช้ระบบ Velocity Mode ที่สั่งลดความสูงของรถยนต์ลงอีก 35 มิลลิเมตร ส่งผลให้ความสูงลดลงเหลือ 1,120 มิลลิเมตร
ยางที่ใช้เป็นแบบ Pirelli P-Zero ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ และแม้จะเป็นรถสปอร์ต แต่พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า – หลัง พร้อมกระเป๋าเดินทางที่ทำจาก คาร์บอนไฟเบอร์ หนัง และโลหะ ออกแบบพิเศษให้เข้ากับการตกแต่งภายในของรถยนต์แต่ละคัน ที่ต่างกันออกไปตามความต้องการของเจ้าของ
McLarenSpeedtail ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 106 คัน สนนราคาที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 1,600,000 ปอนด์ (ราว 68,000,000 บาท) ทั้งหมดมีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว สำหรับมหาเศรษฐีที่พลาดไปก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะนี่เป็นรถยนต์คันแรกตามแผนธุรกิจ Track25 ของค่าย ที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 18 รุ่น ดังนั้นคอยติดตามชมรุ่นต่อไปกันได้เลย
สรุป McLaren Speedtail ผลิตเพียงแค่ 106 คันทั่วโลก ความสุดของคันนี้คือ เป็นตัวแทนสืบสานตำนานของรถไฮเปอร์คาร์ระดับเทพที่เคยทุบสถิติทำความเร็วสูงสุดในโลกอย่าง McLaren F1
เป็นรถไม่กี่คันในโลกที่มี 3 ที่นั่ง (เหมือนกับ McLaren F1) และที่สำคัญ Speedtail เป็น McLaren ที่เร็วที่สุดในโลกที่ความเร็ว 403 km/h พม้อมขุมกำลังมหาศาลถึง 1,036 แรงม้า
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia