Lucid Dream คืออะไร อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่เคยเป็นกันใช่ไหม เวลาที่เราหลับฝัน เราฝันถึงเรื่องราวเรื่องราวหนึ่ง หรือเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่ง แล้วเรารู้ตัวว่านั่นคือ “ ความฝัน “ แถมบางครั้งบางคราวเรายังสามารถควบคุมความฝันดังกล่าวได้อีกด้วย เช่นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนสถานที่ บทสนทนา ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เองที่เรียกว่าLucid Dreamบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับLucid Dreamกันมากขึ้น แถมพร้อมด้วยวิธีฝึกใน การควบคุมความฝัน กันด้วย
Lucid Dream คืออะไร
ความฝันแบบ Lucid dream ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกโดยจิตแพทย์ชาวดัตช์ Frederik van Eeden ซึ่ง Lucid มีความหมายว่า สว่างชัดเจน ซึ่งเขาเป็นคนที่ศึกษาความฝันในลักษณะนี้เป็นคนแรก หลังจากนั้นก็เริ่มมีนักจิตวิทยาละศาสตร์อื่นๆ ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับภาพยนตร์ดังอย่าง Inception ที่เอาไอเดียนี้ไปพัฒนาเป็นเรื่องราวโจรกรรมความลับจากในฝันด้วยเหมือนกัน
Lucid dream ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะหลับลึกมากที่สุด คือช่วย REM (Rapid Eyes Movement) และมักจะไม่ได้รู้ตัวตั้งแต่ต้น แต่จะมารู้ตัวในช่วงกลาง-ปลายของความฝัน หลายคนเมื่อมีประสบการณ์ Lucid dream อาจเกิดสภาวะฝันซ้อน คือรู้ตัวว่าฝัน แต่เมื่อตื่นแล้วก็ยังอยู่ในฝันอีกชั้นหนึ่ง
แม้ว่า Lucid dream จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่มันมักจะเริ่มต้นขึ้นจากคนที่สามารถจดจำความฝันได้อย่างแม่นยำอยู่บ่อยๆ และเมื่อมันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นอีก ที่สำคัญคือ Lucid dream เป็นสิ่งที่สามารถ “ฝึกฝน” กันได้ด้วย
แล้วฝึกฝนได้อย่างไร ?
1.หลับให้ลึก และหลับลึกให้ยาว
ลำดับสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่ช่วงหลับลึกบ่อยๆ (จะได้ฝันบ่อยๆ นั่นเอง) การที่คุณมีช่วงเวลาหลับลึกที่ยาวนานมากขึ้นจะเพิ่มโอกาสในมี Lucid dream
2.ลองจดบันทึกความฝัน
อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น Lucid dream มักเกิดขึ้นกับคนที่สามารถจดจำความฝันตัวเองได้บ่อยๆ ดังนั้นลำดับแรกคุณอาจจะลอง “จำ” มันดูก่อน อาจจะใช้วิธีจดไดอารี่ความฝัน เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น การบันทึกคือการบังคับให้คุณจำกลายๆ สมองจะเริ่มตระหนักความสำคัญของการฝันไว้และคุ้นเคยกับมัน
3.เครื่องเช็กความจริง
เหมือนกับในหนัง ถ้าหากคุณมีสัญญาณอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเช็กว่าตัวเองกำลังฝัน หรืออยู่ในโลกความเป็นจริงๆ และทำมันอยู่บ่อยๆ เช่น เอามือบีบจมูกและหายใจเข้า ถ้าทำได้แปลว่าอยู่ในความฝัน หรือมีสัญญาณอื่นๆ ที่คุณใช้กับตัวเองก็มีแนวโน้มว่าคุณจะรู้ตัวได้บ่อยขึ้น
4.จำลักษณะความฝัน
หลายคนฝึกฝนที่จะจดจำความฝันจะเริ่มสังเกตบางอย่างที่มักจะผิดไปจากความจริง เช่น เงาสะท้อนในกระจกไม่กลับด้าน นาฬิกาเดินแปลกๆ บางครั้งเราจะมีสิ่งของหรือสัญญาณที่จะปรากฏในฝันซ้ำๆ ถ้าหากจับสัญญาณเหล่านั้นได้ ก็มีแนวโน้มที่จะรู้ตัวมากขึ้น
5.ตื่นแล้วไปนอนใหม่
บางคนใช้วิธีการตื่นแล้วกลับไปนอนใหม่ (Wake back to bed : WBTB) โดยตั้งนาฬิกาให้ตัวเองตื่นหลังจากนอนได้ 5 ชั่วโมง เมื่อกลับไปนอนอีกครั้งก็มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ช่วงหลับลึกโดยที่ยังมีสติมากกว่าเดิม
6.คุยกับตัวเองก่อนฝัน
นอกจากนี้ยังมีวิธีชี้นำ (Mnemonic induction of lucid dreams : MILD) คือบอกตัวเองก่อนนอนว่าคุณจะฝันอะไรและคุณจะมี Lucid dream ในคืนนี้เพื่อย้ำให้สมองตระหนักว่าคุณฝันอยู่
ความฝันแบบ Lucid dream ไม่ใช่แค่เรื่องที่ดูน่าสนุกและเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ การวิจัยเกี่ยวกับความฝันที่รู้ตัวพยายามนำปรากฏการณ์ไปช่วยในการบำบัดผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียดและวิตกกังวลในจิตใต้สำนึกได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้เราเข้าใจตัวเองผ่านความฝันได้มากขึ้นด้วย
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่