ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทีมชาติ ฟุตบอลโลก 2002 อังกฤษช่วงต้นยุค 2000 อุดมไปด้วยผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์ แต่ทำไมพวกเขาถึงทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงทำศึกในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์รอบสุดท้าย
ฟุตบอลโลก 2002 ของทรีไลออนส์
วันนี้เราจะย้อนเวลากลับไปดูถึงร่องรอยและสาเหตุของปัญหา จากทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
- ไม่ง่ายตั้งแต่รอบคัดเลือก
อังกฤษต้องเจองานยากตั้งแต่รอบคัดเลือกเมื่อต้องโคจรมาพบกับของแข็งอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน แต่เพื่อนร่วมกลุ่ม ทั้ง ฟินแลนด์ , กรีซ และแอลเบเนีย ต่างก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก จนหลายคนคาดการณ์ว่าน่าจะสองทีมนี้จะเป็นทีมที่ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายได้ แต่คำถามก็คือใครละที่จะเข้ารอบเป็นที่หนึ่งและได้สิทธิ์อัตโนมัติ ?
อังกฤษเปิดหัวได้ไม่ดีนัก เมื่อต้องแพ้ให้กับเยอรมัน 0-1 คาเวมบลีย์ จากทำประตูโทนของ ดีทมาร์ ฮามันน์ ดาวเตะจากลิเวอร์พูล เกมต่อมาพวกเขาก็ยังฟอร์มหลุดเสมอกับกรีซ 0-0 และเสมอกับฟินแลนด์แบบโนสกอร์ ทำให้หลังจากพวกเขาลงเล่นไปสามนัด เยอรมันขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของกลุ่มมี 9 แต้มเต็ม แต่อังกฤษยังควานหาชัยชนะนัดแรกไม่เจอ
สถานการณ์หลังจากนี้หลังพิงฝา พวกเขาไม่สามารถทำแต้มหล่นมือได้อีกแล้ว นัดต่อมาพวกเขาก็คืนฟอร์มเอาชนะฟินแลนด์ได้ 2-1 และต่อด้วยบุกไปเอาชนะแอลเบเนียได้ 3-1 บุกทุบกรีซ 2-0 ในขณะที่เยอรมันก็ยังมีหลุดเสมอกับฟินแลนด์ ทำให้โอกาสเข้ารอบของพวกเขายังเปิดกว้าง
- ค่ำคืนยอดเยี่ยมที่มิวนิค
เกมส์วันที่ 1 กันยายาปี 2001 เยอรมันเปิด โอลิมปิค สเตเดียม ที่เมืองมิวนิครับการมาเยือนของอังกฤษ เกมนัดนี้แทบจะชี้ชะตาเข้ารอบของทีมใดทีมหนึ่งเลยก็ว่าได้ และเมื่อเกมการแข่งขันเริ่มได้ 6 นาที คาร์เท่นส์ แยนเกอร์ หลุดเข้าไปจิ้มบอลผ่าน เดวิด ซีแมนส์ เยอรมันขึ้นนำและกุมความได้เปรียบทุกอย่างเอาไว้
แต่ต่อมาในนาทีที่ 12 แกรี่ เนวิลล์โหม่งชงให้ ไมเคิ่ล โอเว่น ยิงตีเสมออย่างรวดเร็วและ สตีเฟ่น เจอร์รารด์ก็ยิงไกลสุดสวย ทำให้อังกฤษสามารถพลิกขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งเวลาแรก
เริ่มครึ่งมาได้ 3 นาที โอเว่นจัดการฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเป็นประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ อังกฤษขึ้นนำ 3-1 และก็สามารถทำแฮตทริกได้สำเร็จในนาทีที่ 65 จากการหลุดเดี่ยวไปยิงแสกหน้า โอลิเวอร์ คาห์น เข้าไป ก่อนจะมาปิดท้ายด้วยลูกหลุดเดี่ยวของ เอมิล เฮสกีย์ จบเกมอังกฤษบุกมายัดเยียดฝันร้ายให้เยอรมันที่มิวนิคด้วยสกอร์ 5-1 หลังจากนั้นมาพวกเขาก็เปิดบ้านเอาชนะแอลเบเนียได้ 2-0 ทำให้ตอนนี้โอกาสเข้ารอบอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว
- ฟรีคิกส์ที่ไม่มีวันลืมของ แบ็คแฮม
เมื่อฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เกมส์ที่พวกเขาพบกับอาร์เจนตินาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และพวกเขาแพ้จุดโทษไปด้วยสกอร์ 4-3 หลังเสมอกันในเวลา 2-2 โดยในเกมนั้น เดวิด แบ็คแฮม ถูกไล่ออกจากสนามจากการตั้งใจใช้เท้าขัดขา “เอล โลโช่” ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ทำให้เจ้าตัวได้รับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง เกมนั้นเบ็คแฮมถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายจากคนในประเทศ
วันที่ 6 ตุลาคม 2001 อังกฤษลงเล่นนัดสุดท้ายกับกรีซ แต่พวกเขากลับโดนลูบคมบุกมานำถึงถิ่น 2-1 และก็ดำเนินมาจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 93 แบ็คแฮมบรรจงวางบอลลงกับพื้นทำสมาธิและจัดการปั่นเข้าประตูไป ชนิดที่ผู้รักษาประตูกรีซได้แต่ยืนมอง จบเกมส์อังกฤษเสมอกรีซ 2-2 และเยอรมันเสมอฟินแลนด์ 0-0 ทำให้อังกฤษเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม ถีบเยอรมันต้องไปเหนื่อยกับการเล่นเพลย์ออฟ ซึ่งว่ากันว่าเกมนี้ ประตูนี้ คือประตูที่ล้างมลทินให้เดวิด แบ็คแฮม และทำให้ผู้คนทั้งเกาะอังกฤษกลับมารักเขาอีกครั้ง
- เข้าสู่รอบสุดท้าย
อังกฤษถูกจับฉลากอยู่กลุ่ม F ในรอบสุดท้าย และมีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง สวีเดน อาร์เจนติน่า และ ไนจีเรีย ซึ่งสื่อหลายสำนักต่างคาดการณ์ว่า อังกฤษและอาร์เจนติน่า จะสามารถจับมือกันเข้ารอบได้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสล้างตาของแบ็คแฮมที่เสียท่าให้กับอาร์เจนติน่าเมื่อฟุตบอลโลกหนที่แล้ว
และก็เป็นอังกฤษที่สามารถยัดเยียดความปราชัยให้อาร์เจนติน่าได้ 1-0 จากการยิงจุดโทษของเดวิด แบ็คแฮม หลังจากนั้นเราจึงเห็นการเฉลิมฉลองโดยการวิ่งมาที่มุมธงและออกอาการแบบสะใจสุดๆ
สวีเดนสร้างเซอรไพรส์เข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม ส่วนอังกฤษเข้ารอบเป็นที่สอง ทั้งคู่มี 5 คะแนนเท่ากัน เขี่ยอาร์เจนติน่าที่มีเพียง 4 คะแนนกลับบ้านไปตั้งแต่รอบแรก
- น็อกเอาต์
อังกฤษถูกไขว้สายมาเจอกับเดนมาร์ก ที่ก่อนหน้านั้น 10 ปี พวกเขาสร้างเทพนิยายคว้าแชมป์ยูโร 1992 มาครอง และแฟนๆที่ดูในเกมนี้ต่างก็มองว่าไม่ง่ายเลยที่อังกฤษจะผ่านทีมโคนมไปได้ แต่พวกเขาก็รวมใจกันเอาชนะได้ 3-0 จากประตูของ ริโอ เฟอร์ดินาน , ไมเคิ่ล โอเว่น และ เอมิล เฮสกีย์ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
- ประตูมหัศจรรย์ของโรนัลดิญโญ่
ฟุตบอลโลกโคจรมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเกมนี้ถือเป็นเกมหยุดโลกเลยก็ว่าได้ เมื่ออังกฤษต้องมาพบกับบราซิลที่ในขณะนั้นทั้งสองชาติต่างเต็มไปด้วยนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ อังกฤษนำทีมโดย แบ็คแฮม , โอเว่นและเจอราร์ด ส่วนบราซิลพวกเขาจัดขุมกำลังเต็มสูงนำทัพมาโดย 3R โรนัลโด้, ริวัลโด้ และโรนัลดิญโญ่
อังกฤษขึ้นนำได้ก่อน 1-0 จากความผิดพลาดของ ลูซิโอ ที่พักบอลด้วยหน้าขาแต่บอลดันไปเข้าทาง ไมเคิล โอเว่น หลุดเดี่ยวเข้าไปยิง กุมความได้เปรียบในเกมนี้ แต่บราซิลก็มาได้ลูกตีเสมอในนาทีที่ 45+1 จากลากเดี่ยวเข้าไปของเหยินน้อย แหวกฝูงผู้เล่นของอังกฤษ ไหลถวายพานให้ ริวัลโด้ เอียงตัวยิงด้วยซ้านยิงตีเสมอได้ก่อนหมดครึ่งแรก
หลังเริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 49 บราซิลได้ฟรีคิกบริเวณกราบขวา ซึ่งลูกนี้โรนัลดิญโญ่จะเป็นคนเตะเข้าไป แต่เขากลับทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง เมื่อจัดการตักบอลลอยข้ามหัว เดวิด ซีแมนส์ เข้าไปอย่างสุดสวย บราซิลขึ้นนำ 2-1 และตรึงสกอร์นี้ไว้ได้จนจบเกม อังกฤษตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของบราซิล ซึ่งในท้ายที่สุด บราซิลที่พวกเขาแพ้ ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลกจากการเอาชนะเยอรมัน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ
บทสรุปสุดท้ายฟุตบอล 2002
หากมองย้อนกลับไป พวกเขามีตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดแทบจะทุกตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่สามารถไปถึงสิ่งที่พวกเขารอคอยมานานอย่างการเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ในรายการทีมชาติได้ ซึ่งนี่ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งคำถามว่า มันต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จอีกครั้ง จากลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แต่ตอนนี้พวกเขายังคงต้องไล่ไขว่คว้าความสำเร็จในนามระดับทีมชาติ
สามารถอ่านเพิ่มเติมรับข่าวสารฟุตบอลได้ที่ https://www.sccwiki.com/