ตะลิงปลิง

เมื่อพูดถึง ตะลิงปลิง หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี ตะลิงปลิงเป็นผลไม้ลูกเล็กลักษณะเรียวยาวทรงคล้ายๆมะละหอมินิ รสชาติเปรี้ยวมักเอามาทานสด หรือทำเป็นแกงส้มก็ได้เช่นกัน วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับตะลิงปลิงให้มากกว่าเดิม

ลักษณะของ ตะลิงปลิง

  • ต้นตะลิงปลิง มีถิ่นกำเนิดในแถบชายฝั่งทะเลของบราซิล เป็นไม้ผลที่นิยมปลูกทั่วไปเพราะลำต้นมีพวงแน่นที่สวยงาม และยังเป็นพืชร่วมวงศ์กับมะเฟือง แต่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนตรงขนาดของผล โดยผลมะเฟืองจะมีขนาดใหญ่กว่าผลตะลิงปลิง ต้นตะลิงปลิงนั้นจัดเป็นพืชในเขตร้อนและเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 5-15 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีชมพู ผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมอยู่ตามกิ่ง ลักษณะของ
  • บตะลิงปลิงเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบสีเขียวอ่อนมีขุยนุ่มปกคลุม ใบคล้ายรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ในหนึ่งก้านจะมีใบย่อยประมาณ 11-37 ใบ ขนาดใบกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร ส่วนลักษณะของดอกตะลิงปลิง จะออกดอกเป็นช่อหลายช่อ ตามกิ่งและลำต้น โดยในแต่ละช่อจะมีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ลักษณะดอกมีกลีบ 5 กลีบ ดอกสีแดงเข้ม มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบสีเขียวอมชมพู มีเกสรกลางดอกสีขาว
  • ผลตะลิงปลิง ลักษณะกลมยาวปลายมน ผลยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร เป็นพูตามยาว ออกผลเป็นช่อห้อย ผิวของผลมีลักษณะเรียบสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีเหลือง เนื้อข้างในเป็นเนื้อเหลว มีรสเปรี้ยว และมีเมล็ด ลักษณะของเมล็ดตะลิงปลิงจะแบนยาว มีสีขาว

สรรพคุณของตะลิงปลิง

ผล

  1. ช่วยทำให้เจริญอาหาร
  2. ผลใช้ผสมกับพริกไทย นำมารับประทานจะช่วยขับเหงื่อได้
  3. ตะลิงปลิงมีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต
  4. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
  5. สรรพคุณเป็นยาลดไข้
  6. ช่วยละลายเสมหะ แก้เสมหะเหนียวข้น
  7. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร
  8. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
  9. ใช้เป็นยาบำรุงแก้อาการปวดมดลูก

ใบ

  1. ในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ใบพอกรักษาคางทูม
  2. ช่วยรักษาอาการอักเสบของลำไส้
  3. ใบใช้รักษาโรครูมาตอยด์
  4. ช่วยแก้ไขข้ออักเสบ
  5. ใบตะลิงปลิงใช้พอกแก้อาการคัน ลดอาการบวมแดงให้หายเร็วขึ้น หรือใช้ต้มอาบก็ได้

ราก

  1. ช่วยดับพิษร้อนของไข้
  1. ช่วยแก้พิษร้อนใน แก้กระหายน้ำ
  1. ช่วยแก้อาการเลือดออกตามกระเพาะอาหารและลำไส้
  2. ช่วยรักษาซิฟิลิส (Syphilis)
  3. ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์

คุณค่าทางโภชนาการของ ตะลิงปลิง (เฉพาะส่วนที่กินได้) ต่อ 100 กรัม

  • โปรตีน 0.61 กรัม
  • แคโรทีน 0.035 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.010 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.026 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.302 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 15.5 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 3.4 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.01 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 11.1 มิลลิกรัม

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



Tagged:
ball