การ เล่นบอลแบบนักลงทุน เป็นการเดิมพันที่ต้องใช้การบริหารจัดการเงินทุน พร้อมที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุดจากการเดิมพันฟุตบอล ซึ่งแน่นอนว่าการวิธีเดิมพันแบบนักลงทุนนี้ ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมาก สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยื่น ยืดหยุนในการเดิมพัน แต่หากว่าคุณอยากจะลองเดิมพันแบบนักลงทุนบ้าง ก็ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีคิด และเข้าใจเทคนิคการบริหารจัดการเงินให้เป็นแบบนักลงทุนกันเสียก่อน ซึ่งในบทความนี้มาเราจะมาทำความเข้าใจ และลองเปลี่ยนจากแนวคิดของการแทงบอลแบบธรรมดา มาใช้แนวคิดของการลงทุนกันดูบ้าง ด้วย 7 เทคนิคเดิมพันฟุบอลแบบนักลงทุน ให้เป็นอีกหนึ่งโอกาสของการเรียนรู้ ที่ช่วยให้คุณสามารถทำกไรจากการเดิมพัน และมีประสิทธิผลมากขึ้นอย่างแน่นอนจากการแทงบอลของคุณ
วิธีคัดบอลสูง เทคนิคคัดบอลสูง อยากเล่นบอลสูงเลือกยังไง ที่นี่มีคำตอบ
เล่นบอลแบบนักลงทุน ลดความเสี่ยง แต่เพิ่มผลกำไรให้ได้สูงที่สุด ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด
สำหรับการลงทุนในพนันบอลนั้นจะมีระยะเวลาจำกัด เพราะมีช่วงเวลาแข่งขันที่แน่นอนตามตาราง หลังจบการแข่งแล้วก็มาลุ้นกันว่าจะได้หรือเสียจากการลงทุนเดิมพันไป แต่สำหรับการลงทุนแบบทั่วไปแล้ว สามารถลงทุนและถือทำกำไรในระยะยาวได้ ซึ่งอาจจะมีผลตอบแทนเป็นเงินปันผลด้วยเช่นกัน และการ เล่นบอลแบบนักลงทุน จะมีความพร้อมในด้านข้อมูลที่เป็นรายงานชัดเจนและเชื่อถือได้แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันข้อมูลเกี่ยวกับพนันบอลนั้นจะมีจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่ง ซึ่งจะต้องใช้การคัดเลือกแหล่งที่น่าเชื่อถือให้ดีก่อน
1. ลงทุนกับความรู้ให้มากที่สุด
การเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญใน การเล่นบอล แบบนักลงทุน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุนไปแต่ละครั้งนั้น ควรมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ และผ่านการวิเคราะห์มาพอสมควรแล้ว เพื่อให้คุณเห็นทิศทางและโอกาสในการทำกำไรมากที่สุด แล้วข้อมูลแบบไหนที่ต้องเรียนรู้ก่อนที่จะเล่นบอลแบบนักลงทุน
ข้อมูลเกี่ยวกับระบบที่ใช้แทงบอล
ก่อนอื่นเลยต้องรู้ว่าคุณจะแทงบอลที่ไหน ถ้าเป็นการแทงบอลผ่านโบรกเกอร์หรือเว็บไซต์ ผู้ให้บริการให้ราคาบอลแบบไหนบ้าง ราคาไหลเป็นยังไง ราคาเปิดบอลดีไหม ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าในเรื่องการทำกำไรล้วน ๆ
ประเมินฟอร์มให้เป็น
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญนั่นคือ ฟอร์มการเล่นของแต่ละทีมที่คุณกำลังจะวางเดิมพันลงไป ซึ่งสิ่งที่ง่ายที่สุดนั่นคือการดูสถิติการแข่งขัน 5-10 นัดล่าสุด ว่ามีอัตราการแพ้ชนะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วนำมาประเมินว่าทีมที่จะลงเงินนั้นมีโอกาสทำเงินให้มากน้อยแค่ไหน
2. วางแผนให้ดีก่อนลงเงินจริง
แน่นอนว่าการเดิมพันฟุตบอลเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรนั้น จะต้องใช้เงินจริงๆ ในการฝากเข้าระบบของเว็บแทงบอล ซึ่งเงินเหล่านี้จะต้องผ่านการจัดการและวางแผนมาดีแล้ว โดยเฉพาะ การเล่นบอล แบบนักลงทุน ก็จะไม่ใช่การลงเงินแทงทีละน้อยๆ เลย เพราะต้องใช้เป็นก้อนเงินที่เน้นการทำกำไรให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ดังนั้นเงินที่จะใช้ใน การเล่นบอล แบบนักลงทุน จึงไม่ควรเป็นเงินร้อน ทั้งเงินที่คุณยังจำเป็นต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือเงินกู้ แต่ควรจะเป็นเงินเย็น เช่น เงินเก็บ ที่คุณมีเป้าหมายสำหรับการใช้ลงทุนแน่ๆ จะดีกว่า เพราะคุณก็จะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าผลลัพธ์จากการลงทุนในฟุตบอลแต่ละครั้งนั้นจะเป็นอย่างไร
3. มีการวัดผลตอบแทนทุกครั้งที่ลงทุน
การเล่นบอล แบบนักลงทุน กำไรหรือสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าจะต้องเป็นสิ่งที่คาดหวังเอาไว้จากการลงทุนในแต่ละครั้ง ดังนั้นจึงต้องมีการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนหรือ ROI (Return on Investment) เพื่อดูว่ากำไรที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่าต่อการลงทุนไปหรือไม่
โดยสูตรการหา ROI คือ
ROI = กำไร ÷ ต้นทุน *กำไร หาได้จาก จำนวนเงินที่ชนะเดิมพัน-เงินลงทุนทั้งหมด เช่น ลงทุนแทงบอลไปทั้งหมด 10,000 บาท ได้กำไรมาที่ 4,000 บาท จะคิดได้ว่า ROI = 4,000 ÷ 10,000 = 0.4 หรือ 40%
ค่า ROI ที่คำนวณในการเล่นบอล แบบนักลงทุนแต่ละครั้ง จะบอกได้ว่าคุณได้ เสีย หรือเท่าทุน
- ROI = 0 คือ ลงทุนไปแล้วไม่มีกำไร ได้ทุนคืน
- ROI มากกว่า 0 คือ ลงทุนแล้วมีกำไร
- ROI น้อยกว่า 0 คือ ลงทุนแล้วขาดทุน
ซึ่งแน่นอนว่าค่า ROI ที่ดีควรต้องมากกว่า 0 หรือทำกำไรได้นั้นก็ถือว่าดีที่สุด แล้วจะได้มากหรือน้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการวางแผนเดิมพันของแต่ละคน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคำนวณแล้วว่าขาดทุน ก็ควรรีบปรับแผนของการลงทุนใหม่ เพื่อให้สามารถดึงเอาเงินทุนคืนมาหรือทำกำไรให้ได้อีกครั้ง
4. เลือกใช้สิทธิพิเศษให้เกิดประโยชน์
เมื่ออยากเล่นบอล แบบนักลงทุน อีกหนึ่งสิ่งที่คุณต้องมองหาจากการโบรกเกอร์หรือเว็บที่ให้บริการแทงบอลออนไลน์ นั่นคือ สิทธิพิเศษ ที่ทางเว็บเสนอมาให้ไม่ว่าจะเป็น ฟรีโบนัส, โบนัสเติมเงินคูณ 2 หรือเครดิตอะไรก็แล้วแต่ ที่ทางเว็บมอบให้คุณแบบฟรี ๆ โดยสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการเล่นบอล แบบนักลงทุนได้ โดยที่คุณยังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงมาก เพราะเงินส่วนที่ได้มานั้นเป็นเงินของทางผู้ให้บริการเอง ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำให้ได้ นั่นคือ การมองหาวิธีสร้างกำไรหรือผลตอบแทนให้มากขึ้น จากการใช้สิทธิพิเศษให้คุ้มค่าที่สุด
5. ใช้การเดิมพันแบบเก็งกำไร
ในการลงทุนแบบหุ้นจะมีกลยุทธ์การทำกำไร ที่ไม่มีความเสี่ยงหรือที่เรียกกันว่า Arbitrage อยู่ ซึ่งเป็นการเก็งกำไรของหุ้นชนิดเดียวกัน ด้วยการซื้อหุ้นจากตลาดหนึ่งในราคาต่ำ ไปขายอีกตลาดหน่ึงที่ราคาสูงกว่า เมื่อนำมาปรับใช้ในการเก็งกำไรของ การเล่นบอล แบบนักลงทุน เราไม่สามารถซื้อขายแบบนั้นได้ แต่ดึงคอนเส็ปการใช้งานมาได้โดยที่ความเสี่ยงนั้นต่ำมาก นั่นคือ การเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ 2 เจ้า ในการแทงบอลแมตช์เดียวกัน โดยแต่ละเจ้าจะใช้การแทงคนละทีม จึงทำให้สุดท้ายแล้วเราจะสามารถได้เงินจากเจ้าใดเจ้าหนึ่งมาอย่างแน่นอน และกำไรก็จะขึ้นอยู่กับส่วนต่างของราคาบอลที่ได้
6. กำหนดปริมาณของเงินเดิมพันต่อครั้งให้ชัดเจน
มาคำนวณหาจำนวนเงินที่ต้องแบ่งเดิมพันในแต่ละตาที่แน่นอน เพื่อให้คุณสามารถลงทุนตามแผนการด้วย สูตรของเคลลี่ (Kelly Formular) และสำหรับสูตรของเคลลีเป็นที่นิยมมากในวงการเล่นหุ้น ที่สามารถบอกได้จะบอกว่าซื้อหุ้นแต่ละตัวต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ โดยสูตรนี้ก็ถูกนำมาปรับใช้ในการเล่นบอลแบบ นักลงทุนได้เช่นเดียวกัน
สำหรับสูตรของเคลลี่ (Kelly Formular) ที่นำมาประยุกต์ใช้ใน การเล่นบอล แบบนักลงทุน จะใช้สูตร
เงินเดิมพัน = [(อัตราต่อรองแบบทศนิยม x % ที่จะชนะ) – 1 / (อัตราต่อรองแบบทศนิยม – 1)] x 100 โดยที่:
เงินเดิมพัน = จำนวนเงินเดิมพันสูงสุดที่ควรลงทุนในตานั้นๆ
อัตราต่อรองแบบทศนิยม = อัตราต่อรองจากเจ้ามือ
% ที่จะชนะ = ความน่าจะเป็นที่คุณคิดว่าทีมที่เลือกจะชนะ (คิดออกมาเป็นทศนิยม)โดยจะเกิดจากการหาข้อมูลและวิเคราะห์บอลของคุณ แล้วสรุปออกมาด้วยตัวเอง
ตัวอย่างเช่น เลือกแทงทีม A ที่มีอัตราต่อรอง 2.0 ด้วยความน่าจะเป็นที่ 60% (0.6)
จะได้:
- เงินเดิมพัน = [(2.0 x 0.6) -1 / (2.0-1)] x 100
- เงินเดิมพัน = [(1.2 -1) / 1] x 100 = 0.2 x 100 = 20%
จากตัวอย่าง เราจะได้จำนวนเงินที่ต้องแบ่งเดิมพันในตานี้ ที่แน่นอน นั่นคือ 20% ของจำนวนเงินทุนที่ตั้งเอาไว้ เช่น ตั้งงบเอาไว้ที่ 10,000 บาท จะเดิมพันในตานี้ที่ 2,000 บาท
7. เลือกเดิมพันจับคู่กระจายความเสี่ยง
การเลือกเล่นบอลแบบ นักลงทุน นอกจากการมีทีมที่มั่นใจเต็มร้อยที่จะลงเงินแทงแล้ว ก็ยังมีวิธีกระจายความเสี่ยง ที่ช่วยให้สร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืนด้วยการใช้ Back & Lay
สำหรับ Back & Lay จะเป็นการจับคู่แทงบอลโดยที่
Back เป็นการเลือกแทงบอลแบบทั่วไป หรือพูดง่ายๆ คือ การเลือกแทงทีมที่คุณคิดว่าจะชนะแน่นอน
Lay เป็นการจับคู่เดิมพันในอีกทีมหนึ่ง ที่คุณคิดว่าอาจจะชนะหรือดูมีโอกาสชนะ ด้วยการแทงชนะหรือเสมอ หรือเลือกราคาที่แพ้แล้วยังได้คืนส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการช่วยหนุนหลังให้กับทีมแรกที่คุณเลือกไป
โดยถ้าหากว่าแทง Back แล้วชนะ Lay แพ้ อย่างน้อยก็คืนทุน หรือถ้าชนะทั้งคู่ก็มีโอกาสทำกำไรได้สองต่อ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้ไม่เสียไปทีเดียวหมด
สรุป เล่นบอลแบบนักลงทุน สามารถทำกำไร และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด สิ่งสำคัญของ คือ การพยายามลดความเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธีเพิ่มกำไรให้ได้สูงที่สุด จึงต้องชั่งน้ำหนักและต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ต้องใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ การเดิมพันแบบนี้เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการลงทุนในเกมเดิมพันฟุตบอลที่ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia