ประวัติ จอร์จ เบสต์

จอร์จ เบสต์ (George Best) ถือเป็นคนดังตัวจริงในโลกฟุตบอลยุค 1970s กับการใช้สองเท้าพิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งยุคสมัยโดยไร้ข้อกังขา และยังเป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะของสโมสรปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เทพบุตรนักฟุตบอลจอมอหังการ์ ที่ผู้ชายทุกคนอยากเป็นอย่างเขา ผู้หญิงทุกคนอยากครอบครองเขา ต้นแบบความเป็น Superstar สำหรับนักฟุตบอลในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จที่ได้รับนั้น หอมหวานจนมิอาจควบคุมตัวเองได้อีก มันชักพาให้เขาหลงระเริงไปกับความโป้ปดอันจอมปลอม จนส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามโดยตรงและนี่คือ ประวัติ จอร์จ เบสต์ ชายผู้ถูกพิษของความสำเร็จเล่นงาน จนกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์จอมเสเพล เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันมาได้เลย

โอมาร์ มาร์มูช ประวัติ แข็งแฟรงค์เฟิร์ต จอมถล่มประตู กองหน้าที่มาแรงสุดในปี 2024

ประวัติ จอร์จ เบสต์(George Best) เทพบุตรนักเตะผีแดงต้นแบบดาราลูกหนัง 

ประ วัติ จอ ร์ เบส ต์ (George Best) เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว ภายในเมืองเครกาห์ (Cregagh) ทางตะวันออกของกรุงเบลฟัสต์

เขาถูกเลี้ยงดูอย่างดีจาก ริชาร์ด ดิกกี้เบสต์ (Richard ‘Dickie’ Best) บิดาผู้มีอาชีพเป็นช่างกลึงเหล็กในอู่ต่อเรือ Harland and Wolff และ แอน แมรี่ แอนนี่เบสต์ (Ann Mary ‘Annie’ Best) มารดาผู้เป็นกรรมกรในโรงงาน

จอร์ รู้จักฟุตบอลครั้งแรก จากการได้ดูบิดาเล่นให้กับทีมสมัครเล่นในท้องถิ่น จอร์จ หลงรักฟุตบอลอย่างมาก จนบางครั้ง เขาก็เผลอหลับไปพร้อมกับลูกฟุตบอล หรือซ้อมเดาะบอลจากลูกเทนนิสเป็นเวลาหลายชั่วโมง

จนมีคำเล่าว่า เขาจะดีใจอย่างมาก หากในวันคริสต์มาส จะได้รับของขวัญเป็น ลูกฟุตบอล รองเท้าสตั๊ดหรือเครื่องแต่งกายแบบนักฟุตบอล ด้วยเหตุนี้ จอร์ จึงหันหลังให้กับความวุ่นวายทางการเมือง แล้วเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในเวลาต่อมา

มันคือสิ่งเดียว ที่ทำให้เขารู้สึกเป็นอิสระ เหมือนกับฟุตบอล และตัวเขา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ครอบครัวของ จอร์ สนับสนุนความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลอย่างเต็มที่ เขาจึงมีสมาธิกับการฝึกฝนฟุตบอลโดยไม่ติดขัด แต่ถึงกระนั้น แม้เขาจะเป็นผู้เล่นระดับพรสวรรค์ ที่สามารถเลี้ยงหลบคู่แข่งได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว และโดดเด่นจนหาตัวจับได้ยาก

แต่เพราะมีรูปร่างที่เล็กบอบบางเกินไป ทำให้หลายทีมในไอร์แลนด์เหนือ ปฏิเสธจะเซ็นสัญญากับเขา จอร์จท้อใจในช่วงแรก แต่เพราะกำลังใจจากครอบครัว ที่เห็นถึงความุ่งมั่นในตัวเขา บวกกับพรสวรรค์การลากเลื้อยที่สง่างาม และคล่องแคล่ว ทำให้ทุกคนมั่นใจว่า เขาจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต

จนกระทั่ง ในวัย 15 ปี จอร์จ มีโอกาสแสดงฝีเท้าให้ บ็อบ บิชอป (Bob Bishop) แมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เห็น บ็อบถึงกับตะลึงในความสามารถของเจ้าหนูคนนี้ และอุทานออกมาเบา ๆ ว่าบัดซบเถอะ ! ฉันเจออัจฉริยะเข้าให้แล้ว

ก้าวแรกสู่ดาราลูกหนัง

เดือนกรกฎาคม 1961 จอร์จ เบสต์ เดินทางออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มุ่งหน้าสู่เมืองแมนเชสเตอร์อันห่างไกล พร้อมกับเพื่อนอีกคนชื่อ เอริก แม็คมอร์ดี้ (Eric McMordie) เพื่อทดสอบฝีเท้ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเวลาสองสัปดาห์ ขณะนั้น จอร์จอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น

ความห่างไกลจากบ้านเกิด ทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงครอบครัวเหมือนใจจะขาด เขาไม่อาจทนกับความกดดันที่ทรมานได้อีก จึงตัดสินใจกลับบ้านหลังมาทดสอบฝีเท้าได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น

แต่ด้วยพรสวรรค์ที่เข้าตา แมตต์ บัสบี้ (Matt Busby) ผู้จัดการทีมในขณะนั้น จอร์จ จึงถูกกล่อมให้กลับมาฝึกซ้อมกับทีมบีของสโมรสร และอีก 2 ปีต่อมา เขาก็ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ให้กับทีมในที่สุด และฤดูใบไม้ร่วงปี 1963 จอร์จ เบสต์ ในวัย 17 ปี ได้สัญญาอาชีพด้วยค่าจ้าง 17 ปอนด์ต่อสัปดาห์

โดยประเดิมนัดแรกให้กับทีมชุดใหญ่ในวันที่ 14 กันยายน ที่พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ซึ่งเขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และช่วยให้ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะไปได้ 1–0

วันที่ 28 ธันวาคม เขาซัดประตูแรกให้กับยูไนเต็ด ในเกมเปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลีย์ 5–1 และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ถูกส่งลงเล่นเป็นประจำ ตลอดทั้งฤดูกาล 1963–64 ที่เหลือ โดยเขามีฤดูกาลแรกที่น่าประทับใจ ด้วยการลงเล่น 17 นัด  ยิงได้ 4 ประตู

เรื่องราวหลังจากนั้นคือประวัติศาสตร์ ด้วยพรสวรรค์ในการครอบครองบอลที่โดดเด่น เขากลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของยูไนเต็ด ร่วมกับ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Bobby Charlton) และ เดนิส ลอว์ (Denis Law)

ที่มีส่วนช่วยให้ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 อังกฤษ 2 สมัย (1964-65 และ 1966-67) และยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย (1967-68)

ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เกิดขึ้นในถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ (European Cup) ฤดูกาล 1967-68 ที่ยูไนเต็ดเข้าชิงชนะเลิศ พบกับ เบนฟิกา ทีมดังแห่งโปรตุเกส ซึ่งนำทัพโดยเสือดำแห่งโมซัมบิกยูเซบิโอ (Eusebio) นักเตะดาวดังแห่งยุค บนสนามเวมบลีย์ ที่มีคนดูกว่า 92,225 คน

ในเกมนี้ จอร์จ  ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม เขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และใช้สองเท้าที่คล่องแคล่วของตน เลี้ยงหลบกองหลังเบนฟิกา อย่างเป็นอิสระ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และยิงได้ 1 ประตู ในนาทีที่ 92 ช่วยให้ยูไนเต็ด เอาชนะเบนฟิกาไปได้ 4-1 คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ อย่างยิ่งใหญ่ เป็นทีมแรกของอังกฤษ

ชัยชนะจากการคว้าแชมป์ยุโรป และรางวัล บัลลงดอร์ นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปในปี 1968 ด้วยนั้น ทำให้ จอร์จ โด่งดังอย่างฉุดไม่อยู่ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ล้วนลงข่าวเป็นหน้าของเขา และตามติดไลฟ์สไตล์ของเขา ประหนึ่งราวกับเป็นดารา

พิษร้ายแห่งความสำเร็จ

จอร์จ เบสต์ กลายเป็นไอคอนแห่งความสมบูรณ์แบบ อย่างที่ไม่มีนักกีฬาคนใดจะเทียบได้ในยุคสมัยของเขา ด้วยความสามารถที่โดดเด่น ทำให้ผู้คนล้วนอยากเป็นเช่นเดียวกับเขา และยังมีส่วนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับความนิยมสูงสุดบนเกาะอังกฤษ 

ไม่ใช่แค่ความสามารถที่โดดเด่นทางด้านฟุตบอลเท่านั้น จอร์จคือชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี ผมสีน้ำตาล และดวงตาสีฟ้ากลมโตสดใส รวมถึงไลฟ์สไตล์การแต่งตัวที่สะอาดสะอ้าน สามารถดึงดูดผู้หญิงทุกวัย ตั้งแต่ระดับนักเรียน ไปจนคุณยายผมหงอก ให้เข้ามาสนับสนุน หรือชื่นชมเขาได้โดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกของฟุตบอล

จากความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว จอร์จกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริง เขาถูกห้อมล้อมด้วยแฟนคลับจำนวนมาก ไม่ว่าจะทำอะไร ล้วนได้รับความสนใจจากผู้คนไปหมด เขาหลงระเริงไปกับความศิวิไลของแสง สี เสียง ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

และทำตัวเหมือนกับดาราคนดังในยุคสมัยนั้น ที่นิยมเที่ยวผับ บาร์ หรือ ร้านเหล้าเป็นประจำทุกค่ำคืน และพิษแห่งความสำเร็จทำให้จอร์จหลงลืมตัวว่าเขาคือนักฟุตบอล และสิ่งที่ทำให้จอร์จมีวันนี้ได้ ก็คือการฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด แต่ทว่า สิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว

แมตต์ บัสบี้ ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ต้องปวดหัวต่อพฤติกรรมที่แหลกเหลวของจอร์จ ที่เริ่มมาซ้อมสาย ขี้เกียจวิ่ง ไปจนถึงขั้นมีปากเสียงกันระหว่างฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม

พอตกเวลากลางคืน ก็ดื่มสุราอย่างหนัก ประหนึ่งว่าไม่เคยรู้จักเมา ถึงแม้บัสบีพยายามเตือนอย่างไร ก็ไม่เป็นผล เพราะจอร์จไม่แยแสต่อคำเตือนของตนเลยแม้แต่น้อย

บทเรียนอันล้ำค่าของจอร์จ เบสต์

หลังย้ายออกจากยูไนเต็ด ชีวิตของจอร์จก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว เขาพเนจรค้าแข้ง ให้ทีมต่าง ๆ ของลีกในแอฟริกาใต้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สกอตแลนด์ และออสเตรเลีย

แต่ด้วยปัญหาเดิม ๆ คือโรคติดสุรา รวมถึงการไร้ระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ทำให้เขาไม่สามารถกลับมามีผลงานที่ดีเยี่ยมได้เหมือนครั้งค้าแข้งให้ยูไนเต็ดอีกเลย

เขาสามารถค้าแข้งร่วมกับทีมต่าง ๆ ได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และการประพฤติตนที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายจึงตัดสินใจยุติอาชีพ ในวัย 37 ปี นับเป็นเวลา 20 ปี หลังการย้ายเข้ามาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด พอดี

จอร์จ ต้องกลายเป็นคนล้มละลาย จนสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น อาทิเช่น รถหรู ของใช้แบรนด์เนม หรือแม้กระทั้งงานปาร์ตี้ ที่ไม่เกิดประโยชน์ และเขายังเคยถูกโทษจำคุกในข้อหาเมาแล้วขับ

ชีวิตของเขาเสื่อมถอยลงจนน่ากลัว เขากลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นคนที่ล้มละลาย ไม่มีแม้เงินจะซื้ออาหารกิน จนต้องขโมยเงินผู้อื่น เพื่อไปซื้อเหล้าดื่ม จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก 

อย่างไรก็ดี จอร์จ พยายามหลายครั้งที่จะเลิกดื่มสุรา เขาสัญญากับครอบครัวที่รักเขาด้วยใจจริงว่า จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่านี้

แต่จอร์จติดสุราเกินกว่าจะล้มเลิกได้ง่าย ๆ เพราะมันจะทำให้เขาเกิดอาการลมชัก เมื่อขาดสุราเป็นเวลานาน แต่สุดท้าย จอร์จเบสต์ จึงเสียชีวิตในโรงพยาบาลครอมเวลล์ในกรุงลอนดอน ด้วยวัย 59 ปี หลังประสบภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน และมีภาวะปอดติดเชื้อ

สรุป ประวัติ จอร์จ เบสต์ (George Best)เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ และเป็นตำนานของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

โดยเขาอยู่ในทีมชุดที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1968 ร่วมกับเซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน และเดนิส ลอว์ เขาเล่นในตำแหน่งปีกเป็นหลักและมีฉายาว่าเทพบุตรมหาภัยเนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาหล่อและมีความอันตรายในการทำประตู

จอร์จ เบสต์ เสียชีวิตที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2005 รวมอายุ 59 ปี


ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball