งูทิฟฟานี่บลู เป็นงูที่หายากมาก เรียกว่าพบได้ 1 ในล้านเลยทีเดียว จัดเป็นงูประเภทงูเขียวหางไหม้ชนิดหนึ่ง แต่ลักษณะทางพันธุกรรมด้านสีแตกต่างไปจากงูเขียวหางไหม้ปกติ ทำให้มันมีช่วงลำตัวเป็นสีฟ้าแทนที่จะเป็นสีเขียว ปกติจะมีความยาวประมาณ 1 – 2 เมตร อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ พบได้เฉพาะในป่าดิบชื้น งูทิฟฟานี่บลูสามารถเรืองแสงได้ในช่วงตอนกลางคืน และกินอาหารจำพวกแมลงและสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก ทั้งนี้ ยังเป็นงูที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยง แต่เนื่องจากเป็นงูที่หายาก ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง และยังมีการพบงูทิฟฟานี่บลู (Blue Snake) ใน จ.สุพรรณบุรี สร้างความสงสัยและงุนงงให้กับผู้ที่ไม่เคยพบเห็นว่างูทิฟฟานี่บลูคืองูอะไร
Blue Dragon มังกรสีน้ำเงิน สัตว์ทะเลตัวคิวท์ แต่อันตรายถึงฆ่าคนได้
งูทิฟฟานี่บลู มีประวัติและที่มาอย่างไร
งูทิฟฟานี่บลู (Blue Snake) จัดเป็นงูที่อยู่ในประเภทงูเขียวหางไหม้ (Trimeresurus) ชนิดหนึ่ง พบได้ตามธรรมชาติ มีลักษณะที่โดดเด่นคือ ช่วงลำตัวจะมีสีฟ้า หากเข้าสู่ในช่วงกลางคืนจะสามารถเรืองแสงได้ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ทำให้กลายเป็นงูที่หาพบได้ยากอีกชนิดหนึ่ง และงูทิฟฟานี่บลูเป็นงูที่มีพิษ อาจส่งผลต่อระบบโลหิตในร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่เจองูลักษณะดังกล่าว ไม่ควรไล่งู แต่ให้สังเกตการเคลื่อนไหวอยู่ห่างๆ และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอความช่วยเหลือและเพื่อความปลอดภัยของตนเอง
เจองูทำอย่างไรดี แนะนำ 3 วิธีเอาตัวรอดเมื่อเจองู
หากพบเจองูทิฟฟานี่บลู หรืองูชนิดอื่นๆ เข้ามาในบ้าน แนะนำให้ทำตามวิธีเบื้องต้น ดังนี้
- ตั้งสติ เริ่มสังเกตประเภทของงู หากไม่รู้จัก แนะนำให้จดจำลักษณะ ความยาว สี หรือลักษณะการเลื้อยและการแผ่แม่เบี้ย
- งูเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หากพบว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในบริเวณใกล้เคียง งูจะฉกหรือกัดตามสัญชาตญาณ เพื่อปกป้องตนเองทันที ดังนั้น จึงไม่ควรขยับตัว วิ่งไล่ หรือเคลื่อนไหวโดยเร็ว
- โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถโทรแจ้ง 199 สำหรับแจ้งอัคคีภัยและสัตว์เข้าบ้าน เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กู้ภัย หรือ 1669 กรณีที่มีผู้โดนกัด
สรุป งูทิฟฟานี่บลู เป็นงูที่หายากมาก เรียกว่าพบได้ 1 ในล้านมีลักษณะทางพันธุกรรมด้านสีแตกต่างไปจากงูเขียวหางไหม้ปกติ ทำให้มันมีช่วงลำตัวเป็นสีฟ้าแทนที่จะเป็นสีเขียว โดยเป็นงูที่มีพิษเมื่อโดนกัด อาจส่งผลต่อระบบโลหิตในร่างกาย หากถูกกัดอาจเกิดอาการปวดบวม และแดงที่บริเวณที่ถูกกัด แต่จะไม่มีอาการร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia
