ภาวะเครียดของทารกในครรภ์ หรือ Fetal Distress คืออะไร ช่วงเวลาที่กำลังตั้งครรภ์ มักจะเป็นช่วงที่คุณแม่ต้องแบกรับภาระต่าง ๆ และสิ่งที่ต้องเจอในแต่ละวัน เช่น การกินอาหาร การดูแลร่างกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ร่วมถึงสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อเด็กในครรภ์ อาจะทำให้เกิดความเครียดมากจนเกินไปอาจส่งผลให้เกิดภาวะ Fetal Distress ที่เป็นอันตรายต่อทารกได้ จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกของคุณได้เลย ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องห้ามละเลยในการสังเกตตัวเองและลูกในท้อง เพื่อทำให้เกิดภาวะนี้น้อยที่สุด แต่อย่างไรในบทความนี้เรามาดูภาวะนี้ว่าคืออะไร และแม่ตั้งครรภ์จะต้องระวังหรือป้องกันอะไรบ้าง
กินเหล้าแล้วปวดท้อง แก้ยังไงดี เปิด 10 วิธีแก้ปวดท้องหลังกินเหล้า
Fetal Distress คืออะไร และสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง
- Fetal Distress คือ
Fetal distress คือ การที่ทารกอยู่ในภาวะเครียดขณะอยู่ในครรภ์และแสดงสัญญาณต่าง ๆ ออกมา ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้ทารกเกิดภาวะนี้ อาทิ ระยะเวลาก่อนถึงกำหนดคลอด ปฏิกิริยาต่อยา หรือปัญหาเกี่ยวกับสายสะดือหรือรก โดยจะเป็นภาวะที่แพทย์ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของทารก หากไม่ให้คลอดโดยเร็วทารกอาจจะเกิดอันตราย และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อคุณแม่และทารกได้ ซึ่งผลกระทบระยะยาวของภาวะนี้ โดยเฉพาะการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน อาจจะทำให้สมองของทารกได้รับการกระทบกระเทือน สมองพิการ และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตขณะคลอดได้
- อะไรคือสาเหตุของ Fetal Distress
สาเหตุหลักใหญ่ ๆ ของภาวะ Fetal Distress คือ การที่ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ตามปกติแล้วคุณแม่จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปในปอด จากนั้นปอดก็จะส่งออกซิเจนไปยังเลือดและรก ส่งต่อไปยังเลือดของทารกในครรภ์ ซึ่งหากมีกระบวนการใดที่ไม่ถูกต้องและขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนก็อาจนำไปสู่ภาวะ Fetal Distress ได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น
- คุณแม่มีการหดเกร็งกล้ามเนื้อบ่อยเกินไป
- โรคโลหิตจางของทารกในครรภ์
- ภาวะน้ำคร่ำต่ำ
- ความดันโลหิตสูงในคุณแม่ที่เกิดจากการตั้งครรภ์
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ
- คุณแม่มีความดันโลหิตต่ำผิดปกติ
- การตั้งครรภ์นานเกินไป (41 สัปดาห์ขึ้นไป)
- ทารกในครรภ์เติบโตช้าผิดปกติ หรือมีขนาดตัวเล็กมาก
- รกลอกตัวก่อนกำหนด
- ภาวะรกเกาะต่ำ
- รกมีการบีบตัว
- คุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคหัวใจ
- สัญญาณของภาวะ Fetal Distress มีอะไรบ้าง
สำหรับคุณแม่ที่กำลังเครียดว่าจะสังเกตได้อย่างไร หรือสงสัยว่าลูกของเราจะมีภาวะที่น่าเป็นห่วงนี้หรือไม่ ให้สังเกตสัญญาณดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์ (อัตราที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าปกติ)
- ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวน้อยลงเป็นระยะเวลานาน
- คุณแม่มีภาวะน้ำคร่ำต่ำ
ภาวะ Fetal Distress รักษาได้ไหม และวิธีป้องกัน
หากเกิดภาวะ Fetal Distress แล้ว และจำเป็นต้องคลอดเด็กออกมาให้เร็วที่สุด คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญจะทำการช่วยเหลือควบคู่กับการรักษา ดังนี้
เปลี่ยนท่าทางและตำแหน่งของคุณแม่ โดยการขยับของคุณแม่นั้นอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจและช่วยให้ออกซิเจนแก่ทารกในครรภ์เพิ่มขึ้นได้
- ให้คุณแม่สวมหน้ากากออกซิเจน
- ให้ของเหลวผ่านทางสาย IV
- ให้ยาเพื่อชะลอหรือหยุดการหดตัวของกล้ามเนื้อคุณแม่และสายสะดือ
- การเติมน้ำคร่ำด้วยวิธีการใส่ของเหลวในถุงน้ำคร่ำ เพื่อลดการบีบตัวของสายสะดือ
- ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ Fetal Distress ได้ไหม
ตามปกติแล้วไม่มีวิธีการป้องกันภาวะความเครียดของทารกในครรภ์ได้ เรียกว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจคาดคิดเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การพบแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงดูแลสุขภาพครรภ์ให้แข็งแรง สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะที่นำไปสู่ภาวะ Fetal Distress ได้ นอกจากนี้คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเองและความผิดปกติในครรภ์ตลอดเวลา และปรึกษาแพทย์ทุกเรื่อง เพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
สรุป Fetal Distress เป็นภาวะที่ทารกในครรภ์ที่เกิดภาวะเครียด เป็นภาวะที่อันตรายากช่วยเหลือทารกให้คลอดได้ไม่ทันท่วงที, สามารถทำให้ทารกในครรภ์มีความพิการทางสมอง หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตขณะคลอดได้ เกิดจากทารกได้รับออกซิเจนจากเลือดของมารดาไม่เพียงพอ ซึ่งออกซิเจนที่จะส่งไปยังทารกในครรภ์จะถูกส่งผ่านไปยังรก,และไปยังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของทารก
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่