โรคติดมือถือ เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีอาการวิตกกังวล หวาดระแวงเมื่อโทรศัพท์แบทหมด หรือเกิดการใช้การไม่ได้ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่อยู่ในสภาวะดังกล่าวจะเกิดความเครียด หรือถึงขั้นเวียนศีรษะ คลื่นไส้ได้เลย และโรคติดมือถือ กำลังได้รับการพิจารณาบรรจุไว้ในโรคจิตเวชชนิดหนึ่งในกลุ่มวิตกกังวลอีกด้วย นอกจากโรคติดมือถือนี้จะเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิตแล้วยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอีกด้วย เนื่องจากการที่เราติดมือถือจะทำให้เราไม่อยากทำอย่างอื่นนอกจากการเล่นมือถือเพียงอย่างเดียว และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน เพราะประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ขาดความใส่ใจในการทำงาน สมาธิสั้นลง และเมื่อเราก้มมองแต่โทรศัพท์มือถือยังส่งผลต่อกระดูกต้นคอและกรพดูกันหลังอีกด้วย
วิธีเช็คว่าเราเป็นโรคติดมือถือหรือไม่
1.คุณเป็นคนที่ต้องพกโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา และจะมีอาการหงุดหงิดโมโหทุกครั้งที่ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวเอง
2.คุณเป็นคนที่เช็คทุกอย่างในโซเชียล และข้อความต่างๆในมือถือทั้งวัน
3.คุณเป็นคนที่แม้ไม่มีเรื่องด่วนหรือการแจ้งเตือนใด ๆ ในโทรศัพท์แต่คุณก็ยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทั้งวัน
4.คุณเป็นคนที่สิ่งแรกเลือกที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดูสิ่งต่างๆในโลกออนไลน์
5.คุณเป็นคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือตลอดในทุก ๆ กิจกรรมเช่น ยืนรอรถ อาบน้ำ ทานข้าว
6.คุณเป็นคนที่รู้สึกกังวล และเครียดเมื่อโทรศัพท์มือถือของคุณแบทหมด
7.คุณเป็นคนที่สนทนาทางออนไลน์มากกว่าที่จะพูดคุยกับคนรอบข้าง
วิธีการแก้โรคติดมือถือแบบง่าย ๆ
ให้คุณลองกำหนดเวลาการเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เช่น จะรีบเข้านอนหลัง 4 ทุ่ม หรือเวลาอาบน้ำพยายามไม่หยิบโทรศัพท์มือถือเข้าไป หากวิธีดังกล่าวยังไม่ได้ผลมากนัก ลองหากิจกรรมอื่นๆเพิ่มเข้ามาก็ได้ เช่น ระหว่างอาบน้ำอาจจะรีบอาบให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้เอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ แต่บางคนอาจจะบอกว่าก็มันว่างๆ เบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยต้องเล่นโทรศัพท์ คุณลองออกไปหากิจกรรมข้างนอกทำก็ได้เช่น ออกกำลังกาย ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ เป็นต้น หรือหากใครที่ไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกไปพบปะผู้คนมากนักก็เลือกทำกิจกรรมที่บ้านได้ง่าย ๆ เช่นกัน เช่น ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน หรือหาหนังสือดี ๆ สักเล่มมาอ่านเพื่อลดการเล่นมือถือระหว่างวันก็ได้เช่นกัน คุณเองก็ต้องรีบแก้ปัญหานี้ให้ได้ก่อนจะสายเกินไป เพราะการติดมือถือไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก นอกจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพแล้ว การเล่นมือถือเวลานานยังส่งผลเสียต่อดวงตาของเราอีกด้วย
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่
