ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสำหรับสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน จากเหตุการณ์ในวันที่ 21 พ.ย. 2064 ที่ผ่านมา มีขีปนาวุธที่โจมตีใส่เมืองดนีโปรของยูเครนในช่วงเช้าตรู่ของวันนั้น ซึ่งในตอนแรกไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับโอเรชนิค (Oreshnik) หรือไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันคือขีปนาวุธชนิดใด การโจมตีที่เมืองดนีโปร ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ขีปนาวุธประเภทนี้ในการสู้รบ ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินประกาศว่า รัสเซียจะเตือนการใช้ขีปนาวุธดังกล่าว 30 นาทีก่อนการปล่อยโอเรชนิค รัสเซียส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติไปยังสหรัฐฯ ผ่านทางศูนย์ลดความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์ ซึ่งสำหรับใครที่สงสัยว่า โอเรชนิค คืออะไร และยังไม่เข้าใจถึงสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางเป็นอย่างไร มาหาคำตอบได้เลย
storm shadow missile คืออะไร ความสำคัญของขีปนาวุธยูเครนยิงใส่รัสเซีย
โอเรชนิค คืออะไร มารู้จัก “โอเรชนิค (Oreshnik)” ขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่รัสเซียยิงใส่ยูเครนเป็นครั้งแรก
โอเรช นิค คือ อะไร จากคำแถลงของปูติน เขากล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวติดตั้ง “หัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียงที่ไม่ใช่แบบนิวเคลียร์” และหัวรบของมัน “โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว 10 มัค ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.5-3 กม./วินาที” โดยศูนย์ควบคุมอาวุธและการแพร่ขยายอาวุธ (Center for Arms Control and Non-Proliferation) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ระบุตัวเลขในแผ่นพับว่าขีปนาวุธนิวเคลียร์จะต้องมีความเร็ว 3,200 กม./ชม. หรือเกือบ 900 ม./วินาที
ประธานาธิบดีปูติน เรียก “โอเรชนิค” ว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง โดยทั่วไประยะของขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยตั้งแต่ 1,000 – 5,500 กม. แต่นี่เป็นเพียงตัวเลขอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเป็นไปได้ว่าขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงได้ในระยะทางที่สั้นกว่า และมีความเป็นไปได้มากว่าโอเรชนิคที่ปูตินกล่าวถึงนั้น ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก (MIT) ในรัสเซีย มีสองหน่วยงานที่พัฒนาขีปนาวุธประเภทนี้ คือ ศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ และศูนย์ MIT และหน่วยงานแห่งแรกจะมุ่งเน้นไปที่ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวซึ่งยิงจากไซโล มีน้ำหนักมากและมีพิสัยการยิงที่ไกลมาก ตัวอย่างเช่น พิสัยของขีปนาวุธซาร์มัตอ้างว่าสามารถไปไดไกลถึง 18,000 กม.
สถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโกมีความเชี่ยวชาญในการสร้างขีปนาวุธขนาดเล็กพร้อมเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งที่ปล่อยจากฐานยิงเคลื่อนที่ โดยขีปนาวุธเหล่านี้มีน้ำหนักเบากว่า มีหัวรบที่เล็กกว่า และมีพิสัยการบินได้ที่สั้นกว่า ตัวอย่างเช่น ขีปนาวุธยาร์ส (Yars) มีพิสัยการบินได้ 12,000 กม.
ดังนั้น ขีปนาวุธที่คล้ายกับขีปนาวุธที่โจมตีเมืองดนีโปรน่าจะได้รับการพัฒนาโดย MIT พวกเขาเคยสร้างขีปนาวุธที่คล้ายกันมาก่อน เช่น RSD-10 Pioneer Missile ซึ่งใช้งานตั้งแต่ปี 1970 จนกระทั่งสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces -INF) มีผลบังคับใช้ในปี 1988 ในเวลานั้น ขีปนาวุธพิสัยกลางและระยะสั้นและเครื่องยิงขีปนาวุธในสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาถูกทำลาย และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ผลิต ทดสอบ หรือปรับใช้ขีปนาวุธดังกล่าวในอนาคต
ความสำคัญของสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง เป็นอย่างไร
สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ INF มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความตึงเครียดในยุโรป มีขึ้นตามแนวคิดเรื่องการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ใช้ได้กับขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งสามารถตรวจจับการยิงได้ด้วยระบบเตือน ทำให้มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองด้วยการตอบโต้ เช่นเดียวกับเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์
แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลหากวัดเวลาการบินของขีปนาวุธได้ภายในไม่กี่นาที และขีปนาวุธพิสัยใกล้และระยะกลางเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการป้องกันการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิผล ขีปนาวุธเหล่านี้สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดกั้นหรือทำลาย ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสตอบโต้ตอบโต้ หรือมีเวลาไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ เครื่องยิงแบบเคลื่อนที่สำหรับขีปนาวุธดังกล่าวยังตรวจจับและทำลายได้ยากมากในการโจมตีครั้งแรก และการปรากฏตัวของขีปนาวุธระยะสั้นและระยะกลางใกล้ชายแดนอาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งทางทหาร เนื่องจากขีปนาวุธดังกล่าวถือเป็นคำขู่ว่าจะโจมตีที่แทบจะป้องกันไม่ได้ สิ่งนี้อาจนำไปสู่การชิงโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน
สรุป โอเรชนิค คืออะไร เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง โดยทั่วไประยะของขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยตั้งแต่ 1,000 – 5,500 กม. แต่นี่เป็นเพียงตัวเลขอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเป็นไปได้ว่าขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงได้ในระยะทางที่สั้นกว่า โดยมีแหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากสถานที่ทดสอบ คาปูสติน ยาร์ ของแคว้นอแอสตราคาน ของรัสเซีย หากเป็นกรณีนี้ ระยะการยิงของขีปนาวุธจะอยู่ที่ประมาณ 800-850 กม.
โดยขีปนาวุธนี้มีหัวรบแยกออกจากกัน และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดความสับสนมากที่สุดในหมู่ผู้ที่ออกมาแสดงความเห็น จากวิดีโอที่ถ่ายทำขึ้นในช่วงเวลาของการพุ่งชนโจมตีในดนิปรอแสดงให้เห็นกลุ่มวัตถุ 6 กลุ่มที่ตกลงสู่พื้น แต่ละกลุ่มจะมีจุดเรืองแสงประมาณหกจุด นี่ถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากสำหรับขีปนาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่พบการระเบิดบนพื้น ซึ่งบ่งชี้ว่าจุดที่เรืองแสงอาจเป็นกระสุนปืนกลจลนศาสตร์ และสิ่งเหล่านี้อาจมีขนาดแตกต่างกันไป และอาจจะเป็นกระสุนโลหะ ที่พยายามทำลายเป้าหมายโดยใช้พลังงานจลน์ที่ปล่อยออกมาระหว่างการกระแทก เมื่อพิจารณาจากความเร็วสูง พลังงานนี้จะมีนัยสำคัญ
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia