เดเคอา ผู้รักษาประตูสแปนิชประกาศอำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่แน่นอนแล้ว โดยดาบิด เด เคอา ได้รับใช้สังเวียนแข้ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด มานาน 12 ปีหลังย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด แต่หมดสัญญากับ ผีแดง สิ้นเดือนที่ผ่านมาโดยทั้งสองฝ่ายไม่อาจตกลงต่อสัญญากันได้
โดยเดเคอาทำสถิติ “คลีน ชีต” ในพรีเมียร์ลีก ได้ 147 นัดในพรีเมียร์ลีก ปีที่แล้วเดคอา ไม่เสียประตู 17 นัด ทำให้เขาแซง เดวิด ซีแมน, ไนเจล มาร์ติน, เปเป้ เรนา, แบรด ฟรีเดล, ทิม ฮาวเวิร์ด และ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ เรื่องคลีนชีต แต่มีเพียงผู้รักษาประตูสามคนเท่านั้นในพรีเมียร์ลีกที่ทำสถิติ “คลีน ชีต” มากกว่า เดเคอานั่นคือ ปีเตอร์ เช็ก 202 นัด เดวิด เจมส์ 169 นัด และมาร์ค ชวาเซอร์ 151 นัด เรามาตามรอยเส้นทางค้าแข้งจอมหนึบคนนี้กัน
อังเดร โอนาน่า เปิดสาเหตุ ทำไมนายด่านคนใหม่แมนยู ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น
เดเคอา ย้อนรอย12 ปี กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ปฐมบทของ เดเคอา ก่อนจะเข้ามาเป็นนายด่านของแมนฯ ยูไนเต็ด
สิ่งหนึ่งที่ยอดทีมจากเมืองจากทางเหนือของอังกฤษมักจะมีสม่ำเสมอก็คือผู้รักษาประตูระดับโลกที่ไว้ใจได้ ตั้งแต่ ปีเตอร์ ชไมเคิล ในยุค 90 และ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ที่เฝ้าเสาให้กับทีมตั้งแต่ปี 2005-2011 และหลังจากที่นายทวารชาวดัตช์ประกาศแขวนถุงมือนั้น
ภารกิจของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือการหาผู้รักษาประตูคนใหม่มาเสริมทีม ซึ่งตอนแรกบอสใหญ่ชาวสกอตยอมรับว่าต้องการเซ็น มานูเอล นอยเออร์ ที่ตอนนั้นอยู่กับชาลเก้ 04 ด้วยรูปร่างสูงใหญ่และความสามารถในการเซฟและเข้าตัดบอลได้ดีมาก แต่ เอริค สตีล โค้ชผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นกลับมองไปที่ดาวรุ่งจากแอตเลติโก มาดริด วัย 20 ปี นามว่า ดาบิด เด เคอา
- 2011-2013 – ช่วงปรับตัว
โดยช่วงแรกเด เคอา ยังมีปัญหาการปรับตัวในการเล่นในลีกอังกฤษ และฟอร์มที่ยังไม่คงเส้นคงวาทำให้เห็นจังหวะพลาดอยู่บ้าง จนบางคนก็สงสัยในการตัดสินใจเชื่อในนายประตูคนนี้
แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอเชลซี 3-3 ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ที่กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนให้กับเขา ในเกมนั้น หลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ด เสียฟรีคิกในระยะอันตราย ฆวน มาตา ได้ยิงลูกโค้งสุดสวย ลูกพุ่งเข้าสามเหลี่ยมเสาไกล ชนิดที่ว่าแฟนบอลเชลซีที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ส่งเสียงเฮไปแล้ว แต่เด เคอา กระโดดปัดลูกนั้นได้แบบไม่น่าเชื่อ ทำให้คงสกอร์เสมอไว้ได้ ซึ่งเด เคอา ได้กล่าวว่านั่นคือจุดเปลี่ยนของอาชีพเขากับทัพปีศาจแดง
- 2013-2015 – แสงสีทองที่กำลังเปล่งประกาย
ฟอร์มของเด เคอา ดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังการวางมือของเซอร์อเล็กซ์จะไม่ค่อยสวยหรูเท่าไร และในฤดูกาล 2014/15 คนก็เริ่มจับตามองเด เคอา มากขึ้น และเด เคอา มีการเซฟมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องปฏิกิริยาที่ยอดเยี่ยมและการพุ่งเซฟลูกที่ไม่น่าจะทำได้ จนเริ่มถูกพูดถึงว่าเป็นนายประตูที่เก่งที่สุดในโลก
- เรอัล มาดริด ช่วงสะดุดรักของนายด่านสเปน
ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูร้อนปี 2015 ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ตอนนั้นกำลังต้องการตัวผู้รักษาประตูคนใหม่มาเสริมทีม และคิดว่าเด เคอา คือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ ทั้งสองทีมได้ทำข้อตกลง 29 ล้านปอนด์บวกกับ เคย์ลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูตัวจริงของเรอัล มาดริด ในขณะนั้นเพื่อแลกกับซูเปอร์สตาร์ชาวสเปน แต่เอกสารแฟกซ์มาช้ากว่าเส้นตายตลาดซื้อขาย 28 นาที ทำให้ดีลนี้ล่มแบบไม่เป็นท่า
- 2015-2018 – กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ที่เด เคอา งอนทีมหลังจากดีลล่ม เขาก็กลับมาโฟกัสและทุ่มเทให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อีกครั้งและในฤดูกาล 2017/18 เด เคอา สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา เซฟไปถึง 114 ครั้ง ถือเป็น 80.7% ของลูกที่ยิงมาทั้งหมด รวมถึงโชว์ฟอร์มเด็ด สามารถเซฟถึง 14 ครั้งในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะอาร์เซนอล 3-1
โดยในเกมนั้นเป็นเกมที่แสดงให้เห็นชัดเจนมากถึงปฏิกิริยาและความสามารถที่จะเซฟลูกด้วยทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นส่วนช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก และทำให้เจ้าตัวคว้ารางวัลถุงมือทองคำของพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก พร้อมที่จะเป็นเสาหลักให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอีกนาน และเป็นโอกาสที่ดีที่จะพาทีมชาติสเปนลุยฟุตบอลโลกอีกด้วย
- ฟุตบอลโลก 2018 – ซองแตก แทงใจ
ในเกมแรกที่สเปนเจอทีมชาติโปรตุเกสในฟุตบอลโลกปี 2018 ก็เกิดเหตุการณ์จุดเปลี่ยนที่นายด่านชาวสเปนคงไม่อยากจะจำมากที่สุด
ในนาทีที่ 44 ของการแข่งขัน คริสเตียโน โรนัลโด ยิงลูกตรงตัวนายประตูชื่อดัง ชนิดที่ว่า 9 จาก 10 ครั้งน่าจะเซฟได้ แต่เด เคอา กลับ ‘ซองแตก’ และทำลูกกระดอนออกจากตัวไหลเข้าประตูไปแบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งกล่าวได้ว่าหลังจากนั้นเด เคอา ก็ฟอร์มตกลงไปเลย เริ่มแสดงข้อผิดพลาดมากขึ้น และเริ่มเผยจุดอ่อนออกมาทีละนิด
- 2018-2021 กลายเป็นคนธรรมดาในยุคสมัยใหม่
ในยุคสมัยที่ ‘ผู้รักษาประตูยุคใหม่’ อย่าง อลิสสัน เบ็คเกอร์ และ เอเดอร์สัน สามารถออกมาตัดบอลและเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งเกมรุกของทีมได้ เด เคอา ที่มีจุดเด่นแค่การรับลูกที่พุ่งมาอย่างเดียวอาจจะไม่พอสำหรับการลงเล่นในการแข่งขันระดับสูง ณ ตอนนี้ แถมการรับลูกของเขาเริ่มจะถดถอย
เมื่อสถิติ Post-Shot Expected Goals minus Goals Allowed หรือสถิติประตูที่ควรเสียลบด้วยประตูที่เสียจริงต่ำกว่า 0 หมายความว่าเด เคอา ไม่สามารถเซฟช็อตที่ควรจะเซฟได้ และการที่มีผู้รักษาประตูหน้าใหม่ที่พร้อมจะเป็นมือหนึ่งอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน ที่สามารถเล่นในรูปแบบ ‘ใหม่’ และพร้อมเฝ้าเสาต่อในอนาคต รับช่วงต่อของเด เคอา อาจจะหมายความว่ายุคสมัยของ ‘เดฟเซฟ’ กำลังจะหมดลง
- 2021-2023 กลับคืนฟอร์ม ช่วงสุดท้ายกับปีศาจแดง
บางทีโชคอาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่คุณต้องการก็ได้ หลังจากที่ดีน เฮนเดอร์สัน เจ็บระหว่างซ้อมกับทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 (ที่แข่งเมื่อปี 2021 เนื่องจากโควิด) เด เคอา จึงตัดสินใจที่จะกลับมาซ้อมกับทีมเร็วกว่ากำหนด และการที่เขาสามารถทำผลงานได้ดีในการซ้อมและในฐานะตัวจริงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงแรกของฤดูกาล ทำให้เด เคอา เป็นตัวเลือกหมายเลข 1 ในการเฝ้าเสาของทีมอีกครั้ง
และในฤดูกาล 2022/23 มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปมาก ทั้งผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง เอริก เทน ฮาก ผู้มาพร้อมกับวัฒนธรรมและการเล่นรูปแบบใหม่ของทีม นอกจากนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีผู้เล่นแนวรับมาเสริมเพิ่มเติม เช่น ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ คาเซมิโร และถึงแม้ว่าจะแพ้ให้กับลิเวอร์พูลยับถึง 7-0 และมีจังหวะรับหรือตัดบอลพลาดให้เห็นอยู่บ้าง แต่เด เคอา สามารถคว้าถุงมือทองคำเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จจากการเก็บคลีนชีตถึง 17 ครั้ง
สรุป เดเคอา กลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไวดั่งแมว และการพุ่งเซฟแบบไม่น่าเชื่อหลายต่อหลายครั้ง และได้ประกาศอำลาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปิดฉากการเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมมายาวนานกว่า 12 ปีอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นฟรีเอเจนต์ เซ็นกับทีมไหนก็ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : wikipedia