ต้นอ่อนทานตะวันอาจจะเป็นเมนูโปรดของใครหลายคนไม่ว่าจะเป็นผัด หรือนำต้นสดมาทำเป็นสลัดก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งเจ้าต้นอ่อนทานตะวันนี้ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น ต้นอ่อนทานตะวันยังมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะมีวิตามินบี และโฟเลตซึ่งเหมาะกับหญิงที่ตั้งครรภ์ แถมยังมีวิตามินอีและวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด และยังป้องกันโรคหัวใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เมื่อรู้ถึงประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้ววันนี้จะพาทุกคนมารู้จัก วิธีปลูกต้นอ่อนทานตะวัน เอาไว้ทานเองที่บ้านหรือสร้างเป็นอาชีพเสริมกันเลย
อุปกรณ์สำหรับเพาะปลูก
1.ถาดสำหรับปลูก เช่น ถาด หรือตระกร้า (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละบ้าน)
2.ดิน (สำหรับเพาะปลูกซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทางการเกษตร)
3.เมล็ดทานตะวัน
4.ผ้าขนหนู หรือทิชชู่
วิธีการเพาะปลูก
1. นำเมล็ดแช่น้ำ 4-6 ชม. หรือ 1 คืน
2.นำเมล็ดบ่มในผ้าขนหนูหรือทิชชู่ที่เตรียมเอาไว้ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1-2 วัน และคอยดูอย่าให้ทิชชู่หรือผ้าขนหนูเปียกแฉะเกินไปเพราะจะทำให้เมล็ดของทานตะวันจะงอกไม่ดีนัก
3.คอยสังเกตเมล็ดทานตะวันทุกวันหากมีลักษณะเหมือนรากที่งอกออกเมล็ดจะเริ่มงอกอกมา หรือเมล็ดเริ่มมีลักษณะแตกหรือแยกออก ให้นำเมล็ดของทานตะวันลงดินได้เลยรั
4.นำดินใส่ตะกร้าที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วโรยเมล็ดลงดินแล้วกลับดินไม่หนาหรือบางจนเกินไปหรือให้ความหนาของดินเท่ากับขนาดของเมล็ดทานตะวัน
5.รดน้ำให้ชุ่มแต่ต้องไม่แฉะจนเกินไปเพราะรากอาจจะเน่าได้
6.นำถาดมาซ้อนกันประมาณ 1 คืน หลังจากนั้นให้นำถาดออกมารดน้ำตามปกติ
7.ถาดออกไว้ในร่ม รดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
8.วันที่ 3 เมล็กเริ่มงอกใบออกมากให้เก็บเปลือกเมล็ดออกจากที่งอกโผล่ขึ้นมาจากดิน นำไปตากแดดบ้างเพื่อให้ลำต้นสร้างคลอโรฟิลล์และมีสีเขียวที่เข้มขึ้น และรดน้ำเช้า-เย็นตามปกติ
9.วันที่ 6-7 สามารถเก็บเกี่ยวได้เลย หรือบางบ้านต้องการให้ลำต้นมีขนาดสูงกว่านี้ก็สามารถปล่อยไว้นานกว่า 7 วันได้แล้วแต่ความต้องการของแต่ละท่านได้เลย
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีการเพาะปลูกต้นอ่อนทานตะวันสำหรับทำกินเองที่บ้าน หรือบางคนอยากเอาไปสร้างเป็นอาชีพก็ยังได้ วิธีการเพาะปลูกและการดูแลต้นอ่อนทานตะวันนั้นช่างง่ายและสามารถถทำได้เองที่บ้านในครัวเรือน หรือบางท่านมีพื้นที่จำกัดเช่น คอนโด อพาร์ตเม้นท์ ก็สามารถปลูกและดูแลได้ง่าย ๆ นอกจากจะได้ทานผักที่ปลูกเองและยังปลอดสารพิษอีกด้วย เมื่ออ่านจบแล้วท่านผู้อ่านลองไปทำตามกันได้เลยนะ
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่