วิธีทำผักลวกแช่แข็ง

สาว ๆ หรือแม่บ้านหลายคนเมื่อไปห้างเห็นผักป้ายเหลืองแล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าไปจับจอง บางครั้งกลับมานบ้านก็แอบตกใจกับความหน้ามืดของตัวเอง ทำไมถึงซื้อมาเยอะขนาดนี้เนี่ยแล้วจะกินทันมั้ย จะให้เรากินผักหรือเมนูเดิมซ้ำ ๆ ทุกวันก็น่าเบื่อแย่ จะปล่อยให้ผักเน่าและทิ้งก็เสียดายอีกด้วย วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับ วิธีทำผักลวกแช่แข็ง ที่สามารถเก็บผักไว้ได้นานและสีสวยน่ารับประทานอีกด้วย

1.ผักที่เราซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตหรือตลาด น้ำมาแกะห่อออกให้หมดและล้างผักให้สะอาด ไม่ให้มีดินหรือเศษขี้โคลนออกให้หมด หากไม่อยากให้มีสารเคมีตกค้าง สามารถแช่ผักกับเบกกิ้งโซดาลงไป 1 ช้อนชา และทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นนำผักออกมาล้างแบบให้น้ำไหลผ่านอีกครั้งค่ะ

2.นำหม้อใส่น้ำ ตั้งไฟจนน้ำเดือด ใส่เกลือแกงลงไปในหม้อประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ( ปริมาณเกลือสามารถเพิ่ม หรือ ลดลงได้ตามน้ำหนักของผัก ) เมื่อเกลือเริ่มละลายแล้วให้นำผักลงไปลวก เมื่อผักที่ลวกเริ่มสลด ให้ตักขึ้นจากหม้อ แล้วนำไปแช่ลงในกะละมังที่ใส่น้ำเย็น หรือ น้ำแข็งในทันที การแช่ผักที่เพิ่งโดนความร้อนจากการลวกในน้ำที่เย็นจัดทันทีนั้น เป็นการล็อคสีสันของผัก ให้เขียวสวยสด ได้นานขึ้น เพราะการปล่อยผักร้อนระอุต่อไปเรื่อย ๆ ในอุณหภูมิปกตินั้นเปรียบเสมือนการลวกผักต่อ ทำให้ผักสุกมากเกินไป แถมยังมีผลกับสีของผักอีกด้วย เมื่ออุณหภูมิของผักลดลงแล้ว ใช้กระชอนตักผักออกจากกะละมัง วางให้น้ำสะเด็ดน้ำ หรือจะใช้การบีบน้ำออกจากต้นผักก็ได้ค่ะ

3.ใช้มีดตัดส่วนโคนที่เป็นรากออก เพื่อให้ใบแยกออกจากส่วนลำต้น จากนั้นใช้มีดหั่นแบ่งให้ได้ขนาดตามที่ต้องการใช้ เรียงใส่ถาด แผ่ไว้ ไม่แนะนำให้เก็บรวมกันเป็นก้อน เพราะเมื่อนำผักไปแช่แข็ง ในลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ นั้น เมื่อถึงเวลานำออกมาใช้งานนั้นจะไม่สะดวกเท่าที่ควร เมื่อเรียงผักจนเต็มถาดแล้วต้องการจะขึ้นชั้นใหม่ ให้ปูด้วยกระดาษไขสำหรับทำอาหารทับชั้นแรก ก่อนจะเริ่มเรียงผักที่เหลือ แล้วใช้พลาสติกแรป แรปคลุมถาดผักไว้ทั้งหมด นำเข้าช่องแช่แข็ง ทิ้งไว้ 1 คืน

4.เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ นำออกจากช่องแช่แข็ง แกะผักออกจากถาด เก็บใส่ถุงซิปล็อค แยกตามประเภทของผัก แล้วแช่ไว้ในช่องแช่แข็งตามเดิม เมื่อถึงเวลานำผักแช่แข็งออกไปปรุงอาหารประเภทผัด หรือ ต้ม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เพราะผักสุกมาอยู่แล้วเพียงใช้ความร้อนนิดหน่อย ละลายน้ำแข็งก็สามารถทานได้แล้ว

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



Tagged:
ball