เรื่องของการ “โกหก” เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยเจอกันมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์แบบไหน การโกหกก็เกิดขึ้นได้เสมอ ๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์แบบความรัก ยิ่งสมัยนี้คนเปลี่ยนจากการพูดคุยต่อหน้า มาแชตกันมากขึ้น การจับโกหกก็กลายเป็นเรื่องยากไปด้วย เพราะไม่สามารถเห็นภาษากาย หน้าจา อากัปกิริยา อีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมี วิธีจับโกหก จากลักษณะการพิมพ์ได้อยู่ ซึ่งเราเอาเคล็ดลับจับโป๊ะ มาฝากกันกันในบทความนี้
8 เคล็ดจับโป๊ะ วิธีจับโกหก อยู่หมัด
- คนโกหกจะพิมพ์ยาวผิดปกติ
คนที่กำลังโกหกมักจะพิมพ์ข้อความมายาวๆ อธิบายนู่นนี่ เพิ่มเติมรายละเอียดของเรื่องราวต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ไม่ใช่เรื่องที่อยากรู้ เช่นถามว่า “เมื่อวานออกไปไหนมารึเปล่า?” แล้วได้รับข้อความตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ไปไหนเลย เมื่อวานอยู่บ้านทั้งวัน ทำการบ้านเสร็จแล้วก็มากวาดบ้านถูบ้านต่อ แม่ยังใช้ไปกรอกน้ำอีก ร้อนมากเลย บ้านเธอล่ะ ร้อนมั้ย?” เล่นพิมพ์ตอบมาซะยืดยาว แถมพาแถออกนอกเรื่องอีก พิรุธนะคะ ดูออก
- คนโกหกมักจะใช้คำกำกวม
คนที่ไม่อยากบอกความจริงส่วนใหญ่จะใช้พูดที่มันไม่ชัดเจน ไม่ตอบออกมาตรงๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘แถ’ สมมติว่าเรามีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่ม คนที่อยากไปก็จะตอบว่า “ไปจ้า โอเคจ้า” คนที่ไม่ไปหรือไปไม่ได้ก็จะบอกตรงๆ ว่า “ไม่ไป ไม่ว่าง ไว้คราวหน้านะ” อะไรก็ว่าไป แต่คนที่ไม่อยากไปแต่ไม่กล้าปฏิเสธตรงๆ ก็จะใช้คำพูดแบบว่า “ดูก่อน” ซึ่งคำว่า “ดูก่อน” ก็แปลได้ว่า “ไม่อยากไป” นั่นเอง
- คนโกหกมักจะพิมพ์ย้ำเรื่องเดิมซ้ำๆ
มันมีคำพูดที่ว่า เรื่องโกหกที่ได้ยินมาร้อยครั้ง สุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องจริง เพราะการตอกย้ำซ้ำๆ จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ บอกครั้งแรกอาจจะไม่เชื่อ ครั้งที่ 3 – 4 ก็จะเริ่มลังเลใจ พอผ่านไปถ้ายังยืนยันคำเดิมก็เริ่มแน่ใจว่าคงเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องไม่จริงก็ตาม อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ คนโกหกจะพูดถึงเรื่องเดิม สตอรี่เดียวเป๊ะๆ ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็จะไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเด็ดขาด เพราะคนที่โกหกจะกังวลว่ากลัวพูดไม่เหมือนเดิม
- อ่านแล้วตอบช้า
อาการนี้อาจจะยากหน่อย เพราะต้องเดาว่าเป็นเพราะอ่านแล้วตอบทิพย์ อ่านแล้วลืมตอบ หรือตอบช้าเพราะหายไปหาคำแก้ตัวอยู่ ถ้ากำลังอยู่ในท็อปปิคสุ่มเสี่ยงก็อาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังลังเลว่าจะตอบว่าอะไรดี จะพูดความจริง หรือหาคำโกหกต่อไป ถ้าแชตในไลน์อาจจะสังเกตยาก แต่ถ้าคุยผ่าน Facebook Messenger จะเห็นเลยว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์อยู่หรือเปล่า ถ้าตัวจุดๆ วิ่งๆ หายๆ รู้เลยว่ากำลังพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่แน่ๆ
- ตอบไม่ตรงคำถาม
อ่านแล้วตอบช้า ยังไม่แรงเท่าอ่านแล้วข้ามข้อความที่เราส่งไป แล้วไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ แต่มองข้ามไปเลยแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่ตอบไม่ตรงคำถามแบบนี้ ต้องมีอะไรแอบซ่อนอยู่แน่นอน
- ตอบตัดบท
ถ้าเราถามไปรัวๆ ประมาน 5 บับเบิล แล้วมีข้อความตอบรับจากปลายทางมาแค่ “ครับ ค่ะ อ่าาา อืม เค เดี๋ยวมา ไปนอนก่อนนะ” ถ้าเจอบทสนทนาที่เหมือนไม่เต็มใจคุย พยายามตัดบท ตัดจบแบบยังไม่เคลียร์แบบนี้ มีสิทธิ์เป็นเรื่องโกหกสูง
- โบ้ยความผิด
เสต็ปโบ้ยความผิดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าถูกต้อนจนหลังชนฝา ก็เลยหาทางออกด้วยการทำเป็นโกรธบ้าง เริ่มโยนความผิดไปให้อีกฝ่าย “ทำไมเธอไม่เชื่อใจเราเลย” “เธอคิดว่าเราเป็นคนนิสัยแย่แบบนั้นเลยเหรอ” อ้าว เป็นคนโกรธอยู่ดีๆ กลายเป็นฝ่ายผิดเฉย
- ดึงดราม่า
คนที่โกหก ถ้าสุดท้ายจะไม่ยอมรับความจริง สิ่งที่จะตามมาก็คือฉากดราม่า เบี่ยงเบนความสนใจจากที่กำลังสงสัยๆ ให้กลายเป็นความรู้สึกผิดหรือสงสารแทน “ใช่สิ เราผิดเอง เราผิดทุกเรื่องแหละ” รับบทนางเอกผู้น่าสงสาร ส่วนเราก็เอาบทนางร้ายไปโดยไม่รู้ตัว
ปล. 8 วิธีจับโกหกที่เราเอามาฝากกันในบทความนี้ เป็นเพียงลักษณะที่มักจะเกิดขึ้น จากคนโกหก เพียงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใครมีลักษณะตามข้างต้น จะเป็นคนโกหกเสมอไปนะ ต้องใช้วิจารณญาณกับบริบทอื่น ๆ ประกอบด้วยนะ
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่