วิตามินสําหรับคนวัยทํางาน สำหรับวัยทำงานนั้น ที่ต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียร่างกายในระยะเวลาเรื่อยๆ บางคนอาจจะเห็นผลที่ตามมาได้ทันที ซึ่งถ้าไม่รู้จักดูแลหรือซ่อมแซมส่วนที่ขาดหายไปนั้น ระยะยาวอาจมีโรคต่างๆตามมาโดยไม่รู้ตัว
วิตามินสําหรับคนวัยทํางาน มีอะไรบ้าง ?
- วิตามินดี (Vitamin D)
เป็นวิตามินที่รู้กันว่ามีอยู่ในแสงแดด ทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยนึกถึง พนักงานออฟฟิศที่ขาดวิตามินดี เนื่องจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่มักนั่งทำงานในออฟฟิศตั้งแต่เช้าจรดเย็น และละเลยการทานอาหารที่มีวิตามินดี จึงส่งผลให้ขาดวิตามินชนิดนี้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งประโยชน์ของวิตามินดีนั้นมีมากมาย ได้แก่ ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟัน ถ้าขาดจะทำให้ปวดเมื่อยได้ง่าย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนอีกด้วย อาหารตามธรรมชาติที่มีวิตามินดี ได้แก่ ปลาที่มีไขมันมากๆ อย่างปลาแซลมอน เนื้อวัว ไข่แดง เห็ด
- วิตามินซี (Vitamin C)
ถ้าพูดถึงวิตามินซีสาวๆ ออฟฟิศคงจะรู้จักเป็นอย่างดีโดยเฉพาะสรรพคุณที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ใบหน้าและผิวพรรณ ทั้งยังส่งเสริมการสร้างคลอลาเจน แต่ประโยชน์ของเจ้าวิตามินซีไม่ได้มีแค่นี้นะ เพราะยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้สามารถกำจัดเชื้อโรค และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคหวัดได้ดีขึ้น จึงช่วยลดระยะเวลาในการเป็นหวัดลง ชาวออฟฟิศคนไหนที่ป่วยบ่อย พักผ่อนน้อย ตากแดดตากฝน แล้วกลัวว่าจะไม่สบายจนต้องขาดงาน สามารถให้วิตามินซีเป็นตัวช่วยได้นะคะ
- วิตามินบี (Vitamin B)
ด้วยพฤติกรรมการทำงานของชาวออฟฟิศที่ต้องเจอกับเนื้องานที่ยาก และใช้ความคิดอยู่เสมอ จนอาจทำให้เกิดความเครียดได้บ่อยๆ ควรเลือกตัวช่วยเป็นวิตามินบี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการบำรุงสมองและระบบประสาทได้ดี ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดี ช่วยลดความเครียด รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในเซลล์ ทำให้ร่างกายรู้สึกมีพลังอยู่เสมอ
- วิตามินเอ (Vitamin A)
เป็นวิตามินบำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็น ช่วยให้ตาสู้แสงได้ในเวลากลางวัน ถ้าขาดมักจะมีอาการเยื่อบุตาแห้งและอักเสบได้ วิตามินเอมักพบในอาหารจำพวกเครื่องใน ไข่แดง ผักโขม ผักผลไม้สีเหลือง เป็นต้น แต่สำหรับชาวออฟฟิศที่ไม่มีเวลาเลือกทานอาหารเหล่านี้ และยังต้องใช้สายตาอย่างหนักเพ่งจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจจะต้องทานวิตามินเอเสริม แต่เนื่องจากวิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงเมื่อตกค้างในร่างกายดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนรับประทานนะคะ
- เมลาโทนิน (Melatonin)
ตัวนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ชาวออฟฟิศบางคนที่เคร่งเครียดกับงานจนทำให้นอนไม่หลับ หรือทำงานดึกๆ ต่อเนื่องจนทำให้กลายเป็นคนนอนหลับยาก และเมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะส่งผลเสียกระทบต่อหลายๆ อย่างตามมา เช่น เบลอ ไม่มีสติ ง่วงในเวลาทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เจ้าเมลาโทนินนี้สามารถช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่มีคำแนะนำว่าควรทานเพียงวันละ 1-2 มิลลิกรัมก็เพียงพอ และไม่ควรทานต่อเนื่องเพราะอาจจะทำให้ร่างกายชินจนไม่สามารถหลับเองได้
สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่
อ้างอิง : คลิกที่นี่