“ท่านประธานาธิบดี ผมรู้สึกว่า…มือของผมเปื้อนเลือด” คำกล่าวยอมรับสารภาพของ “เจ.โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer)” นักฟิสิกส์และผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู (Father of the Atomic Bomb)” โดย ระเบิดแฟตแมน (Fat Man) ปรมาณูถล่มนางาซากิ จุดเริ่มต้นของหลาย ๆ สิ้งและยังเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies of World War II) นำโดยสหรัฐอเมริกามีแผนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ Fat Man ใส่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 โดยเป็นระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ 2 จากทั้งหมด 2 ลูกที่เคยมีการใช้ในการทำสงครามทั่วโลก ซึ่งลูกแรกมีชื่อรหัสว่า Little Boy ขณะที่การระเบิดของ Fat Man ถือเป็นการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์โลก เรามาทำความรู้จักแฟตแมน และแผนการปล่อยอาวุธมหาประลัยที่สามรถหยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กัน
ผีกองกอย คืออะไร มีรูปร่างอย่างไร ไปทำความรู้จักเจ้าผีชนิดนี้กัน
ระเบิดแฟตแมน (Fat Man) อาวุธลับที่หยุดสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับชื่อ ระเบิด แฟตแมน (Fat Man) สื่อถึงการออกแบบระเบิดในยุคแรก ๆ ที่มีรูปร่างทรงกลมและกว้างเหมือนชายอ้วน น้ำหนัก 4.6 ตัน เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 60 นิ้ว โดย Fat Man เป็นอาวุธนิวเคลียร์ชนิดระเบิดที่มีแกนพลูโตเนียมแข็ง ถูกสร้างโดยทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ห้องปฏิบัติการลอส อะลามอส (Los Alamos Laboratory) โดยใช้พลูโตเนียมจากศูนย์ผลิตนิวเคลียร์ Hanford ในรัฐวอชิงตัน
แฟตแมน (Fat Man) หรือ มาร์กทรี (Mark 3) เป็นชื่อรหัสของระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกา ทิ้งด้วยเครื่องบินรุ่น B-29 Superfortress ชื่อว่า Bockscar ขับโดย พันตรี ชาร์ลส์ สวีนีย์ (Charles W. Sweeney) ถล่มเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น จากระดับความสูง 1,800 ฟุต (550 เมตร) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2488 ในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 80,000 คน จากเหตุการณ์นี้ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
เป็นอาวุธนิวเคลียร์ลูกที่สองที่เคยใช้ในสงคราม
เป็นระเบิดปรมาณูลูกที่สามที่มนุษย์สร้างขึ้น
เป็นระเบิดปรมาณูชนิดแกนพลูโตเนียม อานุภาพทำลายล้างเท่ากับระเบิดทีเอ็นที (TNT) 21 กิโลตัน
แผนการปล่อยอาวุธมหาประลัย (Atomic Bomb)
ตามแผนเดิมของสหรัฐฯ หลังจากทิ้งระเบิด “ไอ้หนูน้อย” (Little Boy) ใส่ฮิโรชิมาในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 (พ.ศ. 2488) แล้ว เป้าหมายการทำลายล้างด้วยระเบิดปรมาณูแห่งต่อไปคือเมืองโคคุระ โดยกำหนดการลงมือตรงกับวันที่ 11 สิงหาคม แต่เพื่อเลี่ยงปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน กองทัพสหรัฐฯ ได้เลื่อนการโจมตีให้เร็วขึ้นอีก 2 วัน เครื่องบินแบบบี-29 ถูกใช้บรรทุก “ไอ้อ้วน” (Fat Man ) เพื่อถล่มเมืองโคคุระตามแผนการ
แต่หลังใช้เวลาบินวนนาน 45 นาที โดยไม่พบเป้าหมาย เมืองนางาซากิซึ่งเป็นเป้าหมายรองจึงถูกถล่มแทน ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา แต่เพื่อเลี่ยงปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน กองทัพสหรัฐฯ ได้เลื่อนการโจมตีให้เร็วขึ้นอีก 2 วัน เครื่องบินแบบบี-29 ถูกใช้บรรทุก “ไอ้อ้วน” เพื่อถล่มเมืองโคคุระตามแผนการ แต่หลังใช้เวลาบินวนนาน 45 นาที โดยไม่พบเป้าหมาย เมืองนางาซากิซึ่งเป็นเป้าหมายรองจึงถูกถล่มแทน ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา
แรงระเบิดทำให้เมืองนางาซากิเกือบครึ่งหนึ่งถูกทำลาย ประชาชน 7 หมื่นคน จากทั้งหมด 2.7 แสนคนเสียชีวิต หลังเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูแฟตแมนลูกนี้เป็นเวลา 6 วัน นี้ทำให้ในวันที่ 15 สิงหาคม 2488 จักรพรรดิฮิโรฮิโตะประกาศยอมแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไข และลงนามเมื่อวันที่ 2 กันยายน ซึ่งนับว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ
สรุป ระเบิดแฟตแมน (Fat Man) หรือ มาร์กทรี (Mark 3) เป็นระเบิดปรมาณูเชื้อเพลิงพลูโตเนียม-239 ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ถูกใช้ถล่มเมืองนางาซากิ ของญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีพลังทำลายล้างเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นทีขนาด 21,000 กิโลกรัม โดยผลกระทบจากการทิ้งระเบิดปรมาณูทั้งสองลูกในเมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม 2488 นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และเกือบทั้งหมดในทั้ง 2 เมืองเป็นพลเรือน โดยมีผู้เสียชีวิตจากการระเบิดทันทีเกือบ 2 แสนคน และในระยะต่อมาก็ยังมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับกัมมันตรังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากการระเบิดอีกนับหมื่นคน
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia