ฟุตบอลยูโร 2024 รอบสุดท้ายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ที่จะจัดการแข่งขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน -14 กรกฎาคม 2567 ที่เยอรมนี ซึ่ง บอลยูโร2024 กลุ่มบี ถือว่าเป็นกลุ่มแห่งความตาย หรือกรุ๊ปออฟเดธ ที่มีผู้แชมป์ 3 สมัยอย่างสเปน ที่ถูกคาดว่าจะจบเป็นแชมป์กลุ่มถึง 80 % หรือหากจบ อันดับสองของกลุ่มคิดเป็น 20% ซึ่งจะทำให้ทีม “กระทิงดุ” เข้ารอบ 16 ทีมอัตโนมัติ และยังมีแชมป์เก่าที่ป้องกันแชมป์อย่างอิตาลี และผู้เชี่ยวชาญด้าน FIFA Tournament อย่างโครเอเชีย ในกลุ่ม บีนี้ด้วย ซึ่งขณะเดียวกันนั้นนักวิเคราะห์มองว่าอิตาลี และ โครเอเชีย ถูกมองว่าจะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ดีที่สุดและแถมมีเซอร์ไพรส์อย่างแอลเบเนียติดมาในกลุ่ม บี นี้ด้วย ที่มี ซิลวินโญ่ ไม่น่าจะสามารถรับมือกับบรรดาทีมระดับแนวหน้าของยุโรปและถูกมองว่าจะจบเป็นอันดับสุดท้าย ดังนั้นในวันนี้เรามาลองวิเคราะห์บอลยูโร 2024 กลุ่มบีกันเล่น ๆ ว่าทีมไหนมีสิทธ์ที่จะเข้ารอบน็อกเอาต์บ้าง
สุนิล เชตรี ประวัติ ยอดนักเตะเอเชีย ที่สถิติเป็นรองแค่โรนัลโด้กับเมสซี่
บอลยูโร2024 กลุ่มบี ใครจะรอดใครจะร่วงเรามาวิเคราะห์กัน
แนะนำทีมในศึก บอลยูโร 2024 กลุ่ม บี ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่คู่คี่สูสีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ สามทีมสุดแกร่งอย่าง สเปน อิตาลี และ โครเอเชีย จะมีเพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้นที่จะสามารถคว้าตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ไปได้ วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์บอลยูโร 2024 ในกลุ่มบีกันว่าใครที่จะมีสิทธ์ผ่านเข้าไปสู่รอบถัดไป
- สเปน “กระทิงดุ”
ยูโร 2024 รอบคัดเลือกผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยการแพ้เพียงครั้งเดียวจาก 8 เกมต่อสกอตแลนด์ และเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น คุณภาพของเกมโดยรวมยังเหมือนเดิม นั่นคือการเน้นครองบอลและสร้างโอกาสทำประตู ซึ่งด้วยแนวทางดังกล่าวทำให้ โรดรี้ กองกลางคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นนักเตะที่ขาดไม่ได้สำหรับทีมชุดนี้ เคียงข้างกับ เปดรี้ (บาร์เซโลน่า), ฟาเบียน รุยซ์ (เปแอสเช) และมิเกล เมริโน่ (เรอัล โซเซียดาด) ส่วนแนวรุกก็ยังมีดาวรุ่งเลือดใหม่ที่น่าจับตาอย่าง ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า) และนิโก้ วิลเลี่ยมส์ (แอธเลติก บิลเบา) ที่พร้อมปั่นป่วยแนวรับของทุกทีม
จุดอ่อนของขุนพลกระทิงดุชุดนี้น่าจะอยู่ที่แนวรับ ที่มี อายเมริก ลาปอร์กต์ (อัล นาสเซอร์) เป็นแกนหลัก แต่ยังหาคู่ขาเซ็นเตอร์แบ็กที่เหมาะสมไม่ลงตัว ขณะที่ตำแหน่งแบ็กขวาเหลือแค่ ดานี่ การ์บาฆาล (เรอัล มาดริด) เป็นตัวหลักแค่คนเดียว
- โครเอเชีย “ตาหมากรุก”
โครเอเชีย เป็นหนึ่งในทีมที่มีประสบการณ์สูงที่สุดของศึกยูโรครั้งนี้ เหตุขุนพลของพวกเขาเล่นด้วยกันมานานนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านเข้าถึงรอบชิง และแทบจะไม่มีการเปลี่ยนถ่ายแข้งสายเลือดใหม่เลยจนถึงปัจจุบัน จึงน่าติดตามว่าความเก๋าประสบการณ์ของพวกเขาจะทำให้ทีมไปได้ไกลแค่ไหนในการแข่งครั้งนี้
ความแข็งแกร่งที่ชัดเจนของโครเอเชียยังคงเป็นกองกลางของพวกเขา มาเตโอ โควาซิช (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มาร์เซโล โบรโซวิช (อัล นาสเซอร์) และลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด) ยังคงมีคุณภาพอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ อันเต้ บูดิเมียร์ (โอซาซูน่า), อีวาน เปริซิช (ไฮจ์ดุ๊ก สปลิท) และอันเดรจ์ ครามาริช (ฮอฟเฟนไฮม์) ที่เล่นด้วยกันมานาน ความเข้าขาไม่เป็นรองทีมไหน ส่วนแนวรับก็ยังมีสตาร์สายเลือดใหม่อย่าง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล กองหลังวัย 22 ปีจากแมนฯซิตี้ ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
- อิตาลี “ทีมมักกะโรนี”
แชมป์เก่าที่เกือบเอาตัวไม่รอดในรอบคัดเลือก หลังเอาชนะยูเครนด้วยผลต่างประตูได้เสียเท่านั้นจึงได้เข้ารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ และตอนนี้อิตาลีนำโดย ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือที่พา นาโปลี คว้าแชมป์เซเรีย อา ฤดูกาล 2022/23 และก็สามารถพาทีมชนะถึง 5 จาก 8 เกมนับตั้งแต่คุมทีม โดยแพ้อังกฤษในรอบคัดเลือกเท่านั้น
ขุนพลอัซซูรี่ชุดนี้เปลี่ยนแปลงจากชุดคว้าแชมป์เมื่อ 4 ปีก่อนกว่าครึ่ง แนวรับนำโดยคู่หูจากอินเตอร์ อเลสซานโดร บาสโตนี่ และเฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ขณะที่ จานลูก้า สกามัคค่า ที่กำลังฟอร์มแรงกับ อตาลันต้า ก็กลายเป็นตัวความหวังในแดนหน้า ส่วนกองกลางยังมี จอร์จินโญ่ (อาร์เซน่อล) และ นิโคโล่ บาเรลล่า (อินเตอร์) ที่มาจากชุดคว้าแชมป์ครั้งที่แล้ว ซึ่งเป้าหมายของอิตาลีคือการป้องกันแชมป์ และไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะทำแบบเดียวกันนั้นไม่ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของพวกเขาคือ “ความประมาท” ที่ สปัลเล็ตติ จะต้องกำชับลูกทีมให้ดี
- แอลเบเนีย “นกสองหัว”
ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้แบบสุดเซอร์ไพรส์สำหรับ แอลเบเนีย หลังคว้าแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก พร้อมผ่านเข้ารอบสุดท้ายในรายการเมเจอร์ได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากศึกยูโร 2016 และแอลเบเนียชุดนี้มี ซิลวินโญ่ อดีตแบ็กซ้ายของอาร์เซน่อลและบาร์เซโลน่าเป็นกุนซือ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้ช่วยทีมชาติบราซิล ก่อนที่จะมาคุมลียงและโครินเธียนส์
แม้จะเป็นชาติเล็กๆที่แทบนึกไม่ออกว่าตั้งอยู่ตรงไหนของยุโรป แต่ขุนพล แอลเบเนีย ชุดนี้มีนักเตะที่ค้าแข้งในอิตาลีอยู่เพียบ ทั้งในเซเรียอาและเซเรียบี ไม่ว่าจะเป็นแนวรับที่มี เอทริต เบริชา ผู้รักษาประตูจากเอ็มโปลี, เบรัต จิมซิตี้ (อตาลันต้า), อาร์เดียน อิสมายลี่ (เอ็มโปลี) และเอลเซอิด ไฮซาย (ลาซิโอ) ) ส่วนกองกลางก็มี อิลแบร์ รามาดานี (เลชเช่), เนดิม บายรามี่ (ซาสซูโอโล่) และ คริสเตียน อัสลานี่ (อินเตอร์) ขณะที่แนวรุกนำทัพโดย อาร์มันโด้ โบรย่า จากเชลซี ที่ถูกปล่อยให้ฟูแล่มยืมใช้งานในซีซั่นที่ผ่านมา
แน่นอนว่าการถูกจับมาอยู่ในกลุ่มสุดหินแบบนี้ แอลเบเนีย จึงถูกมองว่า “รอดยาก” หลายคนมองว่าการคว้าแต้มให้ได้จาก 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มโดยที่มีผลต่างประตูได้เสียไม่ขาดลอยจนเกินไปก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าพอใจมากแล้ว อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่า นี่คือทีมที่เคยทำให้โปแลนด์และเช็กต้องน้ำตาร่วงมาแล้วในรอบคัดเลือก ดังนั้นคงประมาทไม่ได้
สรุป บอลยูโร2024 กลุ่มบี จะมี สเปน, โครเอเชีย, อิตาลี (แชมป์เก่า) และแอลเบเนีย ซึ่งซิลวินโญ่ผู้จัดการทีมแอลเบเนียซึ่งสร้างชื่อของเขาในฐานะผู้เล่นกับอาร์เซนอลพูดก่อนการจับสลากของ “การสร้างความฝัน” การก้าวผ่านกลุ่มที่ยากที่สุดกลุ่มหนึ่งที่พวกเขาจินตนาการได้นั้นดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน แม้ว่าผลงานของพวกเขาในการเอาชนะสาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์ในช่วงรอบคัดเลือกนั้นสมควรได้รับความสนใจก็ตาม อิตาลี ซึ่งตกไปอยู่ในโถที่ 4 และเป็นเงาของทีมที่คว้าชัยชนะที่เวมบลีย์เมื่อสองปีที่แล้วครึ่งแน่นอนว่าคงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสเปนและโครเอเชีย แม้ว่าทีมหลังจะต้องบีบเอาความยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายจาก ลูก้า โมดริช ในวัย 38 ซึ่งสเปนมีสิทธ์ที่จะเข้ารอบมากที่สุด สำหรับคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าพวกเขาจะเจอกับอาการบาดเจ็บสาหัสเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อกาบี กองกลางบาร์เซโลน่า ได้รับบาดเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรง เขาเกือบจะพลาดทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอน
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia
อ่านต่อ สุนิล เชตรี ประวัติ<<< ที่นี่
