ศิลปะการต่อสู้ถือเป็นกีฬาที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือพ่อของ “ ทาเครุ เซกาวา ” ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของกีฬามวยปล้ำ จึงทำให้ในทุก ๆ วัน เขาและพ่อมักจะเฝ้ารอชมการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งทำให้ “ทาเครุ”ซึมซับความหลงใหลในกีฬาการต่อสู้ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 รายการ K-1 ในญี่ปุ่นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีเหล่านักกีฬาคิกบ็อกซิ่งชั้นนำจากทั่วโลกมาปรากฏตัว และมีหลายคนเป็นนักกีฬาคาราเต้ฝีมือขั้นเทพที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ในรายการนี้ จากจุดนี้เอง “ทาเครุ” จึงเริ่มก่อร่างสร้างฝันที่จะเป็นแชมป์คิกบ็อกซิ่ง K-1 โดยตัดสินใจเริ่มเรียนวิชาคาราเต้ ด้วยความหวังว่าเขาจะได้โอกาสขึ้นไปเฉิดฉายบนเวทีชื่อดังของประเทศ จน ทาเครุ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก เมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ การันตีได้จากความสำเร็จบนสังเวียนที่คว้าเข็มขัดมาครองได้เป็นกอบเป็นกำ โดยชื่อของเขากลายเป็นที่สนใจของแฟนกีฬาต่อสู้ทั่วโลกอีกครั้ง หลังได้โอกาสท้าชิงบัลลังก์จาก “ซุปเปอร์เล็ก”
เพชรพนมรุ้ง เกียรติหมู่ 9 รู้จัก เจ้าของเข็มขัดแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวต กลอรี่
ทาเครุ เซกาวา นักชกคิกบ็อกซิ่งดาวดังจากแดนซามูไร
ทา เครุ เซ กาวา เกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.34 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติทั้งภูเขาและทะเลสาบ ในเมืองยานาโกะ ประเทศญี่ปุ่น ชีวิตในวัยเด็กของ “ทาเครุ” ถูกเลี้ยงมาอย่างสุขสบาย
เขาเป็นลูกชายคนกลางจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน มีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน และพ่อของ “ทาเครุ” เป็นแฟนตัวยงของกีฬามวยปล้ำ โดยในทุก ๆ วัน เขาและพ่อมักจะเฝ้ารอชมการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อ และสิ่งนี้เองที่ช่วยจุดประกายให้เขาอยากเป็นนักกีฬาที่เก่งกาจในเรื่องของศิลปะการต่อสู้
ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 รายการ K-1 ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น มีเหล่านักกีฬาคิกบ็อกซิ่งชั้นนำจากทั่วโลกมาปรากฏตัวบนเวทีแห่งนี้ ซึ่งหลายคนเป็นนักกีฬาคาราเต้ฝีมือขั้นเทพที่ต้องการหาความท้าทายใหม่ ด้วยเหตุนี้ “ทาเครุ” จึงตัดสินใจเรียนคาราเต้ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ชั้น ป.2 โดยหวังถ้าเป็นนักคาราเต้ คงมีได้โอกาสเฉิดฉายในเวที K-1 ในสักวัน
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของ “ทาเครุ” ก็มีอันต้องเผชิญกับความยากลำบาก เมื่อเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนในขณะที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลาย ในตอนนั้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการต้องประสบความสำเร็จในเส้นทางศิลปะการต่อสู้ให้ได้เพื่อสร้างอนาคตให้ตนเอง
เขาจึงตัดสินใจเก็บหอมรอมริบเพื่อบินมาฝึกซ้อมคิกบ็อกซิ่ง มวยสากล และมวยไทยที่ประเทศไทย จนเริ่มประสบความสำเร็จในระดับสมัครเล่น ก่อนจะก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับอาชีพ โดยเริ่มไต่เต้าจากเวทีระดับภูมิภาค
กระทั่งในปี 2557 “ทาเครุ” ก็บรรลุความฝันสำเร็จได้เป็นนักคิกบ็อกซิ่งของ K-1 สมใจ ซึ่งเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ตัวฉกาจได้หลายรายจนคว้าเข็มขัดแชมป์มาครองได้ถึงสามรุ่น พร้อมทั้งรักษาบัลลังก์โดยไม่เสียตำแหน่งให้กับใครยาวนานถึง 7 ปี เมื่อไม่เหลือคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อในเวทีนี้ “ทาเครุ” จึงมุ่งเป้าไปที่องค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ONE ซึ่งเป็นศูนย์รวมของนักกีฬาการต่อสู้ระดับสุดยอดของโลกในแต่ละประเภทกีฬา
“ONE เป็นองค์กรที่มีนักสู้จากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกัน เนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทุกราย ผมจึงอยากทดสอบฝีมือตัวเองในองค์กรนี้ และผมดีใจมากๆ ที่ได้รับสัญญาครับ” และ “แน่นอนว่าการเป็นแชมป์โลกใน ONE คือสิ่งที่ผมตั้งเป้าไว้ ผมอยากชนะและจะมอบชัยชนะนั้นให้แฟน ๆ ทุกคนที่สนับสนุนผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาครับ”
สรุป ทาเครุ เซกาวา เริ่มจริงจังในกีฬาต่อสู้มากขึ้นเมื่อรายการ K-1 ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีนักกีฬาคาราเต้หลายคนประสบความสำเร็จในรายการนี้ ต่อมาได้ศึกษาชกคิกบ็อกซิ่งแบบจริงจังและประสบความสำเร็จอย่างสูงในทุกวันนี้ นอกจากเป้าหมายได้เป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่บนสังเวียนแล้ว “ทาเครุ” ยังมีความฝันอยากเป็นนักสงเคราะห์เด็กและเยาวชนอีกด้วย โดย “ทาเครุ” มักทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมอยู่บ่อย ๆ
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia