ถั่วลันเตา

 

เมื่อพูดถึง ถั่วลันเตา หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดีและเป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบอีกด้วย แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าถั่วลันเตานั้นไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ถั่วลันเตาเองยังมีสรรพคุณอีกมากมายที่ถ้าคุณได้ทำความรู้จักแล้วต้องหลงรักถั่วลันเตามากขึ้นอย่างแน่นอน


ถั่วลันเตา
ชื่อสามัญ Sugar pea, Sweet peas, Garden pea, Pea


ลันเตา หรือ ถั่วลันเตา เป็นผักที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี เพราะมีการเพาะปลูกเพื่อใช้เป็นอาหารมานานหลายพันปีแล้ว โดยเชื่อว่าถั่วลันเตาเดิมทีแล้วเป็นถั่วป่า มีถิ่นกำเนิดแถวเอเชียตอนกลางหรือบางทีอาจเป็นอินเดีย และนักวิชาการให้การยอมรับว่าสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในแถบชายแดนไทยพม่านี่เอง เพราะมีหลักฐานย้อนกลับไปถึงกว่าหนึ่งหมื่นปี ชื่อของถั่วลันเตามาจากภาษาจีนที่เรียกว่า “ห่อหลั่นเตา” ซึ่งหมายถึงฮอลแลนด์ ส่วนคำว่า “เตา” ในภาษาจีนก็แปลว่าถั่ว สรุปถั่วลันเตาก็คือถั่วที่มาจากฮอลแลนด์นั่นเอง

ลักษณะของถั่วลันเตา

ต้นถั่วลันเตา จัดเป็นพืชผักที่มีเถาเลื้อย มีความสูงได้ถึง 2 เมตร เป็นพืชฤดูเดียว ลำต้นเล็กและเป็นเหลี่ยม ส่วนรากเป็นระบบรากแก้ว สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดโดยเฉพาะดินร่วนปนเหนียว และควรเป็นดินที่ค่อนข้างมีความเป็นกรดเล็กน้อย เป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นจึงปลูกได้ดีในช่วงฤดูหนาว และโดยถั่วลันเตามีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นพันธุ์ฝักเหนียว มีเมล็ดโต นิยมปลูกไว้เพื่อรับประทานเมล็ด ส่วนอีกประเภทจะปลูกไว้เพื่อรับประทานเฉพาะฝักสด โดยฝักจะมีขนาดใหญ่และมีปีก ส่วนอายุการเก็บเกี่ยวแต่ละสายพันธุ์ก็ไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะเก็บเกี่ยวหลังการเพาะปลูกประมาณ 2-3 เดือน โดยสายพันธุ์ที่ส่งเสริมให้ปลูกในประเทศไทย ได้แก่ พันธุ์แม่โจ้ 1, พันธุ์แม่โจ้ 2 และพันธุ์ฝางเบอร์7 และนิยมปลูกโดยการเพาะเมล็ด

ใบถั่วลันเตา เป็นใบแบบสลับ ใบมีสีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม ปลายใบเปลี่ยนเป็นมือเกาะเลื้อย บางสายพันธุ์อาจมีเฉพาะมือเกาะ หรือบางสายพันธุ์ก็อาจมีเฉพาะใบ

ดอกถั่วลันเตา ดอกเป็นแบบดอกสมบูรณ์เพศ ผสมตัวเอง ดอกมีทั้งสีขาวและสีม่วงแล้วแต่พันธุ์

ฝักถั่วลันเตา  ฝักยาวรีมีสีเขียวสด ภายในฝักมีเมล็ดลักษณะกลมสีเขียวอยู่ประมาณ 2-4 เมล็ด หรือที่เรียกว่า เมล็ดถั่วลันเตา

คุณค่าทางโภชนาการของ ถั่วลันเตา ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 81 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 14.45 กรัม
  • น้ำตาล 5.67 กรัม
  • เส้นใย 5.1 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • โปรตีน 5.42 กรัม
  • วิตามินเอ 38 ไมโครกรัม 5%
  • เบตาแคโรทีน 449 ไมโครกรัม 4%
  • ลูทีนและซีแซนทีน 2,477 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.266 มิลลิกรัม 23%
  • วิตามินบี 2 0.132 มิลลิกรัม 11%
  • วิตามินบี 3 2.09 มิลลิกรัม 14%
  • วิตามินบี 6 0.169 มิลลิกรัม 13%
  • วิตามินบี 9 65 ไมโครกรัม 16%
  • วิตามินซี 40 มิลลิกรัม 48%
  • วิตามินอี 0.13 มิลลิกรัม 1%
  • วิตามินเค 24.8 ไมโครกรัม 24%
  • ธาตุแคลเซียม 25 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุเหล็ก 1.47 มิลลิกรัม 11%
  • ธาตุแมกนีเซียม 33 มิลลิกรัม 9%
  • ธาตุแมงกานีส 0.41 มิลลิกรัม 20%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 108 มิลลิกรัม 15%
  • ธาตุโพแทสเซียม 244 มิลลิกรัม 5%
  • ธาตุโซเดียม 5 มิลลิกรัม 10%
  • ธาตุสังกะสี 1.24 มิลลิกรัม 13%

สรรพคุณของถั่วลันเตา

  1. ยอดของถั่วลันเตามีเบตาแคโรทีนสูง ช่วยในการบำรุงสายตาและผิวพรรณ
  2. ใช้บำบัดโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานเป็นประจำด้วยการใช้ฝักอ่อนสดนำมาล้างน้ำให้สะอาดและนำไปต้มจนสุก
  3. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  4. เมล็ดช่วยบำรุงไขมัน
  5. ถั่วลันเตาอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินบี 12 และสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
  6. ช่วยรักษาโรคหัวใจและความดันโลหิต ฝักถั่วลันเตาทั้งฝักนำไปคั้นเอาแต่น้ำให้ได้ประมาณครึ่งถึงหนึ่งแก้ว ใช้ดื่มวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและเย็น
  7. ถั่วลันเตาเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยละลายลิ่มเลือด
  8. ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
  9. ช่วยขับของเหลวในร่างกาย
  10. ช่วยแก้อาการปัสสาวะขัด
  11. ช่วยแก้เป็นตะคริว อาการเหน็บชา
  12. ช่วยบำรุงเส้นเอ็น
  13. ช่วยเพิ่มน้ำนมของสตรี

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



Tagged:
ball