ดาวิด ชิโนล่า
ถ้าให้พูดถึงนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะระดับ “อัจฉริยะ” และหนึ่งในนั้นก็คือ ดาวิด ชิโนล่า เป็นนักเตะที่มีลีลาน่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่วัยรุ่นในตำแหน่งปีก นอกจากความเร็ว และสามารถใช้ได้ทั้งสองเท้า เขายังมีความแข็งแกร่ง ที่นอกจากจะพริ้วหลบ ยังสามารถเบียดกับแนวรับคู่แข่งได้อย่างสบาย มีลีลาในการลากเลื้อยพาบอลที่ถือว่าสวยงามเเละว่องไวอย่างมาก รวมทั้งการพาสบอลที่ถือว่าสุดยอดในยุคนั้น เป็นอีกมิดฟิลด์ชื่อดังเเห่งยุค 80-90 เลยทีเดียว เเน่นอนว่าความที่เป็นนักฟุตบอลที่มีลีลากระชากใจดุจดั่งศิลปินบรรเลงผลงานศิลปะ ก็ทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นขจรขจายอย่างมากในยุคนั้น ซึ่งเชื่อได้เลยว่าคงไม่มีเเฟนบอลในยุคนั้นที่จะไม่รู้จักเขา

ประวัติ ลีวาย โคลวิลล์ กองหลังอนาคตไกล จากสิงห์บลู 

ดาวิด ชิโนล่า นักเตะอัจฉริยะที่ถูกหาว่าเป็นมือสังหารบอลฝรั่งเศส

ดา วิด ชิ โนล่า นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาสู่เส้นทางอาชีพกับ ตูลง, อาร์ซี ปารีส, แบรสต์ หรือกับ ปารีส แซงต์-แชร์ก นี่คือนักเตะที่ขึ้นชื่อลือชาในความมากพรสวรรค์ เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีที่มีลีลาและสไตล์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เล่นบอลได้ทั้ง 2 เท้าซึ่งในยุคอดีตถือเป็นสิ่งที่หาเจอได้ยาก นอกจากจะมีความเร็วในระดับสูงก็ยังมีความแข็งแกร่งซึ่งสร้างความปวดกบาลแบบสุดๆ ให้กับคู่แข่ง แถมยังเป็นคนที่มั่นใจและกล้าได้กล้าเสีย และไม่มีใครที่ไม่อยากได้นักเตะแบบ ดาวิด มาอยู่ในทีม

แฟนบอลยุคใหม่อาจจะไม่มีโอกาสได้ยลโฉมศักยภาพของพ่อค้าแข้งรายนี้ และหลายๆ คนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าบนเส้นทางค้าแข้งกว่า 16 ปีทำไมยอดนักเตะอาวุธครบมือแบบเขาถึงได้โอกาสติดธง ทีมชาติฝรั่งเศส แค่ 17 นัดเท่านั้น

เรื่องราวที่ว่านี้มันเกิดขึ้นในช่วงยุค 90 ในช่วงที่ ฝรั่งเศส กำลังตามล่าโทรฟี่ระดับเมเจอร์ใบที่ 2 ต่อจากแชมป์ ยูโร 1984 โดยในศึก ฟุตบอลโลก 1994 รอบคัดเลือก มันเป็นเกมนัดชี้ชะตาที่เจอกับ บัลแกเรีย และสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ฝรั่งเศส ต้องการแค่เพียงผลเสมอก็จะได้โควต้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 1994 รอบสุดท้ายที่ สหรัฐอเมริกา

ยุคนั้นก็มีตำนานที่ขึ้นชื่ออยู่หลายๆ คนไม่ว่าจะเป็น โลร็องต์ บล็องก์, ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์, มาร์กแซล เดอไซญี่, ดาวิดชิโนล่า, เอ็มมานูเอล เปอตีต์ และ ฌอง ปิแอร์ ปาแป็ง และเกมวันนั้น “ก็องโต้” เป็นผู้ทำให้ขาข้างหนึ่งของ ฝรั่งเศส ก้าวเข้าไปสู่ที่ สหรัฐอเมริกา

เพราะยิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนจะโดนตามตีเสมอ 1-1 ในช่วงก่อนจบครึ่งแรกจาก เอมิล คอสตาดินอฟ โดยเชรารื อูลิเย่ร์ ที่เป็นผู้จัดการทีม ณ ตอนนั้นได้ตัดสินใจส่ง ดาวิด ลงมาเป็นสำรองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย หวังใช้พรสวรรค์และทักษะรอบด้านสร้างความแตกต่างให้กับเกม

ในช่วงนาทีสุดท้ายของเกมที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ดูแล้วไม่น่ามีอะไรผิดพลาด ฝรั่งเศส น่าจะได้ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 1994 รอบสุดท้าย เพราะช็อตนั้นพลพรรค “เลส์ เบลอส์” ก็ได้เล่นลูกฟรีคิกในแดนของ บัลแกเรีย และเหล่าบรรดานักเตะก็รู้ดีกว่าคงเล่นรักษาผลการแข่งขันก็เลยปล่อยให้ เอริค คันโตน่า ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษเพียงคนเดียว แต่ ดาวิด เลือกที่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เมื่อถึงจังหวะที่เขาได้บอลก็เลือกตัดสินใจเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ

สุดท้ายกลายเป็น บัลแกเรีย ได้เล่นจังหวะสวนกลับ และก็เป็นตัวแสบ เอมิล คอสตาดินอฟ คนเดิมที่มาซัดประตูชัยให้ บัลแกเรีย ดับฝัน ฝรั่งเศส ชวดโอกาสไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งนั่นส่งผลให้ ดาวิด กลายเป็นผู้ร้ายของประชาชนทั้ง ฝรั่งเศส

เขาโดนสื่อพาดหัวโจมตีอย่างหนักในวันต่อมาจนแทบไม่มีที่ยืน และที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเขาโดนตราหน้าว่าเป็น “The assassin of French football” หรือ “ฆาตกรที่สังหารฟุตบอลฝรั่งเศส”

พอกลับไปเล่นในระดับสโมสรกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็โดนแฟนบอลตะโกนโห่ใส่ในทุกๆ ครั้งที่ได้บอล และสุดท้าย ดาวิด ก็ต้องระเห็จเก็บข้าวของย้ายมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

สรุป ดาวิด ชิโนล่า อัจฉริยะลูกหนังที่ทีมชาติฝรั่งเศสที่ถูกแฟนบอลตีตราจากเหตุการณฟุตบอลโลกปี 1994 ส่งผลให้ ดาวิด กลายเป็นผู้ร้ายของประชาชนทั้ง ฝรั่งเศส เขาโดนสื่อพาดหัวโจมตีอย่างหนักในวันต่อมาจนแทบไม่มีที่ยืน และที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเขาโดนตราหน้าว่าเป็น “The assassin of French football” หรือ “ฆาตกรที่สังหารฟุตบอลฝรั่งเศส”


ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia

คีย์ : ดาวิด ชิโนล่า

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball