ดอร์ทมุนด์ หรือ เสือเหลืองเป็นชื่อที่คนไทยต่างรู้จะกันดี เพราะเป็นทีมที่ได้สร้างนักเตะชื่อดังมาแล้วมากมาย อย่างเช่น เออร์ลิง ฮาแลนด์ และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นต้น แต่ในวันนี้เราจะย้อนรอยความผิดพลาดหรือเป็นความโชคร้ายที่ทำให้ทีมอย่างดอร์ทมุนด์ต้องไปหนีการตกชั้น ที่เพียงแค่เริ่มฤดูกาลก็เริ่มย่ำแย่และผลงานครึ่งฤดูกาลหลังก็พังไม่เป็นท่าจนทำให้ดอร์ทมุนด์ตกอยู่ท้ายตารางอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่งในเวลานั้น เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชื่อดังเป็นคนคุมทีมพร้อมต้องแก้ไข้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดในสโมสรไปพร้อมกัน
คาโอรุ มิโตมะ เปิดประวัติ นักเตะซามูไร ต้นตอความสำเร็จของ ไบรท์ตัน
ดอร์ทมุนด์ กับ เหตุผลที่ทำให้พวกเขามีฤดูกาลที่แย่
- การเริ่มฤดูกาลที่ผิดพลาด
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้วางแผนที่ผิดพลาดและมีหลายสัญญาณที่แสดงถึงสถานการณ์อันย่ำแย่ที่อาจเกิดขึ้นกับดอร์ทมุนด์ในฤดูกาล 2014-15 แต่เส้นทางที่ เยอร์เกน คล็อปป์ รวมถึงผู้บริหารทีมเลือกเดินในฤดูกาลดังกล่าวกลับเป็นเส้นทางที่ผิดพลาดจนยากจะแก้ไข
ฤดูกาล 2012-13 โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ถือเป็นทีมฟุตบอลที่น่าจับตามากที่สุดในโลกเพราะไม่เพียงพวกเขาจะเพิ่งคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยซ้อน และได้ดึงตัวนักเตะที่มีคุณภาพมากมายมาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, ชินจิ คางาวะ, อิลคาย กุนโดกัน และมาริโอ เกิทเซ่ แต่ความท้าทายที่พวกเขาต้องเจอคือการจำกัดงบประมาณจึงหนีไม่พ้นการปล่อยตัวหลักออกจากทีมเพื่อนำเงินเข้ามาจุนเจือสโมสรแล้วเดินหน้าต่อไป
และในฤดูกาล 2014-15 การสูญเสียกองหน้าตัวหลักของทีมให้กับคู่แข่งตัวฉกาจถือเป็นสถานการณ์ที่แย่มากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้การย้ายตัวครั้งนี้แย่กว่าเดิมหลายเท่าคือ ไม่ได้ค่าตอบแทนกลับคืนมาจากการย้ายทีมครั้งนี้แม้แต่ยูโรเดียว จึงไม่มีงบประมาณมากพอที่จะซื้อกองหน้าที่สามารถเข้ามาทดแทนนั้นเอง
- เผชิญปัญหาวิกฤตนักเตะเจ็บ
ปัญหานักเตะบาดเจ็บของ โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2014-15 ได้เริ่มเข้ามารุมเร้าทีมตั้งแต่การแข่งขันนัดแรกยังไม่เริ่มขึ้น ไล่ตั้งแต่ มัตส์ ฮุมเมิลส์ กองหลังตัวเก่งที่จะพลาดการแข่งขัน 4 เกมแรกของฤดูกาล, ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี ปีกขวาตัวหลักที่เจ็บยาวนานหลายเดือน รวมถึงสองกองกลางตัวหลักอย่าง อิลคาย กุนโดกัน และ นูริ ซาฮิน ที่ไม่สามารถลงสนามช่วงต้นฤดูกาลพร้อมกันทั้งคู่
ปัญหานักเตะบาดเจ็บของทีมยังโจมตีดอร์ทมุนด์อย่างหนักในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เพราะถึงแม้จะมีการควักเงินซื้อ เควิน คัมเพิล เข้ามา (ซึ่งกล่าวไปแล้วว่าไม่ได้ทดแทนได้ดีขนาดนั้น) ทีมยังต้องเสีย นูริ ซาฮิน ที่เจ็บยาวอีกรอบ และ สเวน เบนเดอร์ กับ เซบาสเตียน เคห์ล ที่เจ็บพร้อมกัน ทำให้ช่วงเวลานั้นทัพเสือเหลืองแทบจะไม่มีกองกลางตัวรับที่ใช้งานได้เลย
- ฮีโร่และวายร้าย
คำถามที่ยังอาจคาใจหลายคนคือ “คล็อปป์มีส่วนมากแค่ไหนกับผลงานอันย่ำแย่หนนั้น ?” คำตอบคือ คล็อปป์เป็นทั้งวายร้ายที่ทำให้ดอร์ทมุนด์ต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันคล็อปป์ยังเป็นฮีโร่ของทีม เพราะเขาแทบจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ทัพเสือเหลืองหนีจากโซนตกชั้นและกลับมาจบอันดับ 7 ของตารางพร้อมกับคว้าโควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ความผิดพลาดที่คล็อปป์สร้างไว้ในช่วงต้นฤดูกาลคือ “ยึดมั่นกับแผนงานของตัวเองมากเกินไป” เพราะถ้าอ้างอิงจากสถิติแล้ว ดอร์ทมุนด์มีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากในช่วงเปิดฤดูกาล นักเตะในทีมยังคงวิ่งไล่บอล 120 กิโลเมตรต่อเกมและสร้างโอกาสความเป็นไปได้ในการทำประตู หรือ xG เป็นอันดับสองของลีกรองจาก บาเยิร์น มิวนิค เท่านั้น ซึ่งเมื่อมองจากสถิติตัวเลขตรงนี้ก็เห็นได้ชัดว่านักเตะของคล็อปป์ยังคงวิ่งไล่บอลและสร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากมายตามที่คล็อปป์คิดไว้ไม่มีผิด
จึงสามารถเอาตัวรอดและยังเดินไปสู่ฟุตบอลยุโรปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่จมอยู่โวนตกชั้นนานนับเดือนเพราะความเชื่อมั่นในแผนการตัวเองของ เยอร์เกน คล็อปป์ สุดยอดกุนซือแห่ง ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค รายนี้ จึงได้โบกมือลากำแพงสีเหลืองด้วยน้ำตาและรอยยิ้ม เพราะฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีมไม่ได้จบลงด้วยความล้มเหลวเสียทีเดียว และเมื่อพิจารณาถึงวิกฤตต่าง ๆ ที่เข้ามา การจบอันดับ 7 ของตารางอาจเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่เลวของคล็อปป์
สรุป ในการหนีตายในครั้งนั้นเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้กับ ดอร์ทมุนด์ ในการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง และเรื่องราวของโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2014-15 แสดงให้เห็นแล้วว่า ในวันที่ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด กุนซือรายนี้ยังคงประคองทีมให้เอาตัวรอดไปได้ จนทำให้แฟนบอลดอร์ทมุนด์ ให้เยอร์เกน คล็อปป์เป็นฮีโร่และวายร้ายในเวลาเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : wikipedia