จิ้งจอกเก้าหาง

หากให้เรานึกถึง ปีศาจ สักชนิดหนึ่งในตำนานเรื่องเล่าทั่วโลก รับรองได้เลยว่าชื่อหนึ่งที่จะผุดขึ้นมาในหัวของเพื่อน ๆ อันดับต้น ๆ เลย คือ จิ้งจอกเก้าหาง หรือ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง อย่างแน่นอน เพราะ ปีศาจตนนี้ ถูกศิลปินพาไปปรากฎตัวโลดแล่นอยู่ใน สื่อ สังคม บันเทิง ของมนุษย์เรา ทั้งใน หนังภาพยนต์ หนังสือการ์ตูน อนิเมชั่น นิยาย ละครทีวี มากมายหลายเรื่อง ที่โด่งดังก็เช่น นินจาคาถา นารูโตะ หรือ ซีรีส์เกาหลี อย่าง my roommate is a gumiho ที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้ ด้วยความนิยมของจิ้งจอกเก้าหาง ขนาดนี้ วันนี้เลยขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง กันสักหน่อย

จิ้งจอกเก้าหาง

ตำนาน จิ้งจอกเก้าหาง เริ่มต้นมาอย่างไร

ตำนาน จิ้งจอกเก้าหาง มีที่มาจากหลายประเทศ ทั้งจากอินเดีย จีน และญี่ปุ่น ซึ่งมีนัยว่าอาจเป็นปีศาจตนเดียวกัน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเผยแพร่วัฒนธรรมตามเส้นทางสายไหม และถ่ายทอดไปยังประเทศญี่ปุ่น

ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ในภาษาญี่ปุ่นมาจากคำศัพท์ว่า 九尾の妖狐 (Kyuubi no Yooko) หากแปลตามตัวอักษรคันจิจะได้ว่า 九 แปลว่า (เลข) เก้า 尾 แปลว่า หาง 妖 แปลว่า มีเสน่ห์ น่าหลงใหล และ 狐 แปลว่า สุนัขจิ้งจอก คำว่า 妖狐 เมื่อนำมารวมกันจะได้หมายความว่า ปีศาจจิ้งจอกที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้

ตามความเชื่อนั้น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางเกิดจากสุนัขจิ้งจอกที่อยากเป็นมนุษย์จึงบำเพ็ญเพียรเพื่อให้มีวิชาอาคม และเมื่อบำเพ็ญเพียรครบ 100 ปี จะมีหางเพิ่มขึ้นมาอีก 1 หาง และเมื่อบำเพ็ญเพียรจนมีครบ 9 หาง จะมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้าเป็นอย่างมาก และสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้

จิ้งจอกเก้าหาง
าท้อีร้เอั้.jpg

ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง ในประเทศญี่ปุ่น

ตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า ปีศาจตนนี้ได้แฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่นในรัชสมัยของจักรพรรดิโทบะ (Toba Tennoo) หลังจากที่หลบหนีมาจากประเทศอินเดียและประเทศจีน โดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่า ทามาโมะ โนะ มาเอะ (Tamamo no Mae) พระสนมของจักรพรรดิโทบะ ผู้ซึ่งทำให้จักรพรรดิโทบะลุ่มหลงในความงามของนาง จนสุขภาพของจักรพรรดิโทบะทรุดโทรมลงทุกวัน จึงได้มีการอัญเชิญนักพรตมาทำพิธีปัดรังควาน ก็พบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่

เมื่อความแตก ทามาโมะ โนะ มาเอะ จึงได้คืนร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหาง เหาะหนีไปบนท้องฟ้า กองทหารของจักรพรรดิโทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่บริเวณภูเขานาสุ (Nasu Dake) เกิดการต่อสู้กัน และสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงได้ กลายเป็นหินเซ็ชโชเซกิ (Sesshoo Seki) ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นนั่นเอง

Sesshoo Seki


สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : คลิกที่นี่

อ้างอิง : คลิกที่นี่

เป็นกำลังใจช่วยแชร์หน่อยค่ะ



ball