คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงออกกำลังกาย เพื่อดูแลรูปร่างให้ดูดี ซึ่งนอกจากจะได้เรื่องสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้การสวมใส่เสื้อผ้าได้สวย ดูเป็นคนบุคลิกดีอีกด้วย
ซึ่งสำหรับผู้ชายที่จริงจังกับการออกกำลังกาย ต้องการสร้างหุ่นให้ฟิตเฟิร์ม หรือมีซิกซ์แพ็ก เริ่มต้นมักจะต้องคำนวณ BMI (Body Mass Index) หรือ ค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งคือปริมาณไขมันทั้งหมดในร่างกาย โดยเป็นตัวชี้วัดมาตรฐานแสดงสภาวะความสมดุลของร่างกาย ระหว่างน้ำหนักตัวและส่วนสูง ว่าคนๆ นั้นมีค่า BMI เท่าไร มากไป หรือน้อยไป
เพราะจะได้บริหารและออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อทำให้ร่างกายสมส่วนตามที่ต้องการ ซึ่งมีหลายคนยังไม่รู้ว่าวิธีคำนวณ BMI ผู้ชาย หรือ ค่า BMI ผู้ชาย คิดยังไง ดังนั้นเรามาดูวิธีและสูตรคํานวณ BMI กันเลย ขอบอกว่าไม่ยากอย่างที่คิด
DTV วีซ่า คืออะไร รู้จักวีซ่าอยู่ยาว สวรรค์ของจีนเทา
ค่า BMI ผู้ชาย คิดยังไง ลองมาเรียนรู้พร้อมทำความเข้าใจกันได้เลย
ค่ า B MI ผู้ ชาย คิดยังไง เนื่องจากค่า BMI (Body Mass Index) หรือดัชนีมวลกาย ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ใช้ประเมินสัดส่วนของน้ำหนักตัวต่อส่วนสูง เพื่อบ่งชี้ว่าร่างกายมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่นั้น มีประโยชน์ทั้งการช่วยติดตามสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
เหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนควบคุมน้ำหนัก รวมถึงช่วยในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ทำให้หนุ่ม ๆ หลายคนที่รักและใส่ใจในการดูแลสุขภาพรวมถึงรูปร่างของตัวเอง ให้ความสำคัญกับค่า BMI อยู่พอสมควร และอยากรู้ว่าจะต้องคำนวณอย่างไรบ้าง วันนี้เราจึงจะมาช่วยสอนวิธีการหาค่า BMI ผู้ชาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการคำนวณค่า BMI นั้นจะไม่ได้แยกเพศว่าเป็น BMI ของผู้ชายหรือผู้หญิง จึงสามารถใช้วิธีและสูตรเดียวกันได้เลย
หาค่า BMI สูตรเป็นยังไง
1.ในการคำนวณเพื่อหาค่า BMI นั้น สามารถทำได้ด้วยการใช้สูตรดังนี้
- BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลัง 2
2.ตัวอย่างการคํานวณ BMI
ยกตัวอย่าง ชายคนหนึ่งมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม และส่วนสูง 175 เซนติเมตร จะสามารถคำนวณค่า BMI ได้ออกมาดังนี้
- BMI = 70 / (1.75 x 1.75) = 22.66
- เพราะฉะนั้นจะได้ค่า BMI ของชายคนนี้คือ 22.66 นั่นเอง
3.ค่า BMI ปกติ ควรเป็นเท่าไร
หลังจากที่นำน้ำหนักและส่วนสูงไปคำนวณจนได้ค่า BMI มาแล้ว ให้นำมาเทียบกับค่าด้านล่างนี้เพื่อดูว่ามีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติหรือไม่
- ต่ำกว่า 18.5 : น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ หรือเป็นคนผอม
- 18.5 – 24.9 : มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐาน
- 25 – 29.9 : มีน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ปกติ หรือเป็นคนน้ำหนักเกิน
- 30 ขึ้นไป : มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มาก หรือเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน
สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือค่า BMI เกิน 25 จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิดได้มากกว่าผู้ที่มีค่า BMI ปกติ เช่น โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มี BMI เกิน 30 ซึ่งถือว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายได้สูงกว่าคนปกติมาก ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์หรือ BMI ต่ำกว่า 18.5 อาจต้องระวังเรื่องการขาดสารอาหาร หรืออาการอ่อนเพลียที่เกิดจากการได้รับพลังงานจากอาหารไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ค่า BMI เป็นเพียงค่าสำหรับใช้ในการประเมินเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้ว่าบุคคลนั้นอ้วนหรือไม่ เนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ ปริมาณกล้ามเนื้อ ฯลฯ อย่างเช่นในนักกีฬาที่กล้ามเนื้อมาก อาจมีค่า BMI สูง แม้ว่าจะไม่อ้วนก็ตาม หรือคนที่อายุมากกว่ามักจะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อย เป็นต้น
สรุป เป็นอย่างไรกันบ้างกับ การหา ค่า BMI ผู้ชาย คิดยังไง โดยวิธีที่เราได้เอามาแชร์สามารถทำได้จริง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการคำนวณค่า BMI นั้นจะไม่ได้แยกเพศว่าเป็น BMI ของผู้ชายหรือผู้หญิง จึงสามารถใช้วิธีและสูตรเดียวกันได้เลย และค่า BMI เป็นมาตรการที่ใช้ประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถทำได้โดยการชั่งน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม และวัดส่วนสูงเป็นเซนติเมตร แล้วนำมาหาดัชมีมวลกาย โดยใช้โปรแกรมวัดค่าความอ้วนข้างต้น
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia