คาลาฟิออรี ถือว่าเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่เขาจะเล่นได้ทั้งตำแหน่งฟูลแบ็คและเซ็นเตอร์แบ็คแล้ว เขายังสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับได้อีกด้วย และเซ็นเตอร์แบ็ควัย 22 ปีของ โบโลญญา
มีความโดดเด่นในการอ่านเกม, เข้าสกัดบอลแม่นยำ และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่นอกจากนั้น เขายังเป็นนักเตะที่ออกบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดีมาก ๆ แถมทักษะการเลี้ยงเอาตัวรอดก็ถือว่าดีเยี่ยม เหมือนกับ จอห์น สโตนส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีผิด
และได้สร้างสถิติสุดเฉียบเอาไว้ในเกม อิตาลี เสมอกับ โครเอเชีย ไป 1-1ในยูโร 2024 นี้ด้วย ด้วยการดวลกลางอากาศชนะ 100%, จ่ายบอลสำเร็จ 93%, ไม่มีใครเลี้ยงผ่านได้, สร้างโอกาสรวม 4 ครั้งมากกว่านักเตะทุกๆคน และเป็นคนแอสซิสต์ให้ มัตเตีย ซักคานญี ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ดังนั้นเราจะมาพูดคุยถึง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี ประวัติ กองหลังอิตาลี ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในยูโร 2024
มานูเอล อูการ์เต้ รู้จักกองกลางสุดแกร่งอุรุกวัย สไตล์เดียวกับกาเซมิโร่
ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี ประวัติ แบ็คซ้ายผู้ไม่ยอมแพ้บนเส้นทางลูกหนัง
ริค คาร์โด้ คาลา ฟิออรี ปร ะวัติ ความเป็นมา เกิดและเติบโตในกรุงโรมของประเทศอิตาลี โดยที่เจ้าตัวก็ได้รู้จับเกมลูกหนังมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีความชื่นชอบในกีฬาชนิดนี้ ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปอยู่กับอคาเดมีของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง โรมา ในตำแหน่งแบ็คซ้าย คาลาฟิออรี เล่นให้กับทีมเยาวชนของ โรมา ทุกชุด
ไม่ว่าจะเป็นชุดเยาวชน, ชุด U17 และ U19 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ อิตาเลียน ยูธคัพ (U17) และ และ อิตาเลียน ซูเปอร์โคปปา (U17) อย่างละ 1 สมัย
ทว่าปัญหาของ คาลาฟิออรี หลัก ๆ เลยก็คืออาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าขาดในเกมยูธลีกปี 2018 ซึ่งนั่นทำให้นักเตะอนาคตไกลอย่างเขาต้องหยุดชะงักและพักการเล่นฟุตบอลไปนานกว่า 1 ปี ซึ่งในช่วงเวลานั้น คาลาฟิออรี ได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบอร์ต้น ๆ ของวงการ ซึ่งเป็นคนเดียวกันที่เคยรักษาให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดยที่เขามี มิโน ไรโอลา ซูเปอร์เอเยนต์ส่วนตัวในเวลานั้นเป็นคนติดต่อให้
หลังจากที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บหนักได้ในปี 2020 คาลาฟิออรี ที่ถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ กลับไม่ได้มีโอกาสลงสนามมากนัก เพราะในตอนนี้ โรมา มีนักเตะตัวเก๋าอย่าง อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ครองตำแหน่งตัวหลักแบ็คซ้ายของทีมอยู่
บวกกับในตอนนั้น คาลาฟิออรี ก็ไม่ได้ฟิตเต็มที่สักเท่าไหร่ หลังเขามีอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริงและกล้ามเนื้อค่อนข้างบ่อย ทำให้ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คาลาฟิออรี ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะลงไปโชว์ฟอร์มทีมชุดใหญ่ของ โรมา เลย ทำให้สุดท้ายแล้ว สโมสรก็ได้ตัดสินใจปล่อย คาลาฟิออรี ไปให้ เจนัว ยืมตัวไปใช้ครึ่งฤดูกาลในช่วงหน้าตลาดหน้าหนาวของปี 2021-2022
และเมื่อกลับมาที่สโมสรอีกครั้ง คาลาฟิออรี ก็ไม่ใช่นักเตะตัวเลือกของ โรมา อีกต่อไป ก่อนที่ปลายเดือนสิงหาคม 2022 เขาจะถูกขายให้กับ เอฟซี บาเซิล
หลังจากที่กลับมาเล่นฟุตบอลได้ 1 ฤดูกาลเต็ม ๆ หลังจากหายเจ็บหนักที่ เอฟซี บาเซิล คาลาฟิออรี ก็ได้โอกาสกลับมาเล่นในประเทศบ้านเกิดอีกครั้งกับ โบโลญญา ในเซเรียอา อิตาลี ที่มี ติอาโก้ ม็อตตา เป็นกุนซืออยู่ในเวลานั้น และม็อตตา คือคนที่เปลี่ยนชีวิต คาลาฟิออรี อย่างแท้จริง เพราะว่า ม็อตตา เป็นคนที่มองว่า คาลาฟิออรี เป็นนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ไม่ใช่ตำแหน่งแบ็คซ้ายหรือตัวริมเส้น
จากนั้น คาลาฟิออรี ก็ได้แจ้งเกิดเต็มตัวในเซเรียอาด้วยการเป็นตัวหลักในเกมรับ โบโลญญา ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ในฤดูกาลหน้า แฟน ๆ จะได้เห็น โบโลญญา ไปโลดแล่นอยู่ในรายการยักษ์ใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสรหลังทีมขึ้นมาจบในอันดับที่ 5 ของลีกได้
จากผลงานที่ทำเอาไว้กับ โบโลญญา จึงไม่แปลกที่ ลูเซียโน สปัลเล็ตติ กุนซือของทัพอัซซูรีจะเรียกเขาเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่เพื่อลุยศึกยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมัน และคาลาฟิออรี ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรกและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของอิตาลีที่ได้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นรองเพียงแค่ เปาโล มัลดินี เท่านั้น
สรุป ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี ประวัติ ที่น่าสนใจเอามาก ๆ ยิ่งในการลงเล่นบอลยูโร 2024 นี้ คาลาฟิออรี จะพาทีมชาติอิตาลีไปไกลได้ถึงตรงไหนกันแน่ จะถึงการป้องกันแชมป์รึเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ ชื่อของเขาได้โด่งดังไปทั่วโลกและมีหลาย ๆ ทีมยักษ์ใหญ่อยากที่จะได้ตัวเขาไปร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล และ เชลซี ขอแถมอีกหนึ่งเรื่อง คาลาฟิออรี เคยได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เขามี จอห์น สโตนส์ เป็นต้นแบบในการเล่นฟุตบอลของเขา
ขอบคุณเนื้อหาจาก : wikipedia